วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

First Challenge : The New Ford Ranger Minorchange ปรับปรุงครั้งใหญ่ที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น ครองบัลลังก์รถกระบะที่ดูแมนที่สุด..!!

       ตั้งแต่ผมทำเพจ MZ Crazy Cars มาเนี่ย ก็จะสังเกตได้ว่าเรื่องส่วนใหญ่ที่จะทำให้ชาวเฟสบุ๊คทะเลาะกันก็คือเรื่องข้อดีข้อเสียของรถที่ตัวเองใช้หรือชอบ บางคนมีความคิดและมองทุกอย่างอย่างมีเหตุมีผล (ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก) แต่กับบางคนเลือกที่จะใช้อคติหรือความเชื่อผิดๆ รวมถึงการ "ฟังเขามา" จนบางครั้งดูเหมือนกลายเป็นการใส่ร้ายทั้งๆที่รู้ไม่จริง แล้วก็สาดมันสมองใส่กันเมื่อมีเหตุให้ลุกขึ้นปกป้องค่ายที่ตนเองรัก เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกเพจ และเป็นสิ่งที่เราเห็นมาตลอด..!!




       ดั่งเช่นคู่กัดฟัดยอดเยี่ยมแห่งปีอย่าง Ford Ranger รถกระบะพันธุ์แกร่งที่มักจะถูกพาดพิงและนำไปต่อกรกับเจ้าตลาดอย่าง Hilux Vigo และ Revo ที่พึ่งเปิดตัวไปไม่นานนัก แต่ชาวโซเชียลไม่ได้แขวะกันเรื่องความเร็วความแรงของเครื่อง แต่จะไปโฟกัสกันที่ความแข็งแกร่งของโครงสร้างตัวถังซะมากกว่า ซึ่งเมื่อมีภาพอุบัติเหตุที่ไหนก็จะเอามาเม้าท์มอยซอยยิกๆกันแบบสนุกปาก แต่รู้ได้อย่างไรว่าแต่ละภาพมันเกิดอุบัติเหตุแบบเดียวกัน? ชนตำแหน่งเดียวกัน? มุมเดียวกัน? ความเร็วเท่ากัน? นี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่ตาบอดมองไม่เห็น ถึงแม้ว่ารถแต่ละคันมีความหนาบางแข็งแกร่งไม่เท่ากัน แต่การดูแค่ภาพโดยที่ไม่มีข้อมูลและไม่วิเคราะห์ จะวิจารณ์ไปก็เปล่าประโยชน์

       อย่างที่กล่าวไปข้างต้น Ford Ranger Minorchange จึงเป็นรถที่น่าจับตามองมากที่สุดอีกหนึ่งรุ่น ซึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ลานจอดรถอีซี่ พาร์ค ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และจัดงานทดลองขับพร้อมกันทั่วประเทศวันที่ 18-19 กรกฎาคม ผมเองก็ได้เดินทางไปร่วมงานเปิดตัวที่โชว์รูมแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลฯ 





       แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกๆครั้งที่ฟอร์ดเปิดตัวรถยนต์ของตัวเอง เพราะแต่ก่อนจะมีรถให้ลองขับแค่ไม่กี่คันหรือแทบไม่มีเลยเมื่อเปิดตัวไปช่วงแรกๆ ดั่งจะเห็นได้จากการเผยโฉมของ All New Ford Everest ที่งาน Motor Show เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กระแสตอบรับจากลูกค้าและผู้สนใจก็มีมิไช่น้อย แต่รถมีมาโชว์อยู่แค่คันเดียว?? จนเกิดปรากฎการณ์การต่อคิวเพื่อดูรถเที่ยวละสิบคน สิบนาที?? โห!! หลายคนรู้สึกเอือมระอามากกับการตลาดแบบนี้ ถึงจะมาบางเหตุผลบอกว่า "แท่นหมุนโชว์รับน้ำหนักไม่ได้มาก" ก็เถอะ อย่างไรก็ตามนั่นถือว่าเป็นบทเรียนที่ฟอร์ดได้ทำการปรับปรุงและนำมาใช้กับ Ford Ranger Minorchange คันนี้

       การเปิดตัวเรนเจอร์ใหม่ ฟอร์ดเตรียมตัวมาดีด้วยการเร่งผลิตสินค้าเพื่อที่จะส่งให้ทันงานเปิดตัว และแต่ละดีลเลอร์ก็มาหลายคันด้วย มิหนำซ้ำยังมีการเปิดจองและรับรถในวันเปิดตัวกันเลยทีเดียว ไม่ต้องรอนานนนนนนนนเป็นเดือนนนนนนนนนเหมือนแต่ก่อนแล้ว มันแสดงให้เห็นว่าฟอร์ดใส่ใจกับการทำตลาดและจริงจังกับรถคันนี้มากขึ้นพอสมควรเลย เป็นสิ่งที่น่ายินดีกับอีกก้าวที่พัฒนาขึ้นมาและก็อยากให้รักษามาตรฐานแบบนี้ไว้และดีขึ้นๆในอนาคต เพราะนอกจากลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากตรงนี้แล้ว ฟอร์ดเองก็จะได้รับประโยชน์จากลูกค้าเช่นกัน เป็นสิ่งที่ทุกค่ายควรคำนึงถึงและทำให้เป็นรูปธรรมที่สุด



       การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของ Ranger ถือว่ามีมากมายหลายจุด ทั้งภายนอกภายใน รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ จนสามารถเรียกได้ว่าเป็นการ Big Minorchange ให้มีความสมบูรณ์และลงตัวมากที่สุด โดยยังคงแบ่งรุ่นออกเป็น 4 เกรด ได้แก่ XL, XLS, XLT และ Wildtrak ในแต่ละตัวจะมีความแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน และยังแอบมีของดีๆใส่ไว้ในรุ่นล่างๆด้วย

       สิ่งแรกแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือด้านหน้าของรถที่ไม่มีเค้าของรุ่นเดิมเลย ไฟหน้ารุ่น XL จะเป็นแบบธรรมดาฮาโลเจน พร้อมกระจังหน้าสีดำ และไฟเลี้ยวข้างตัวรถ ส่วนรุ่น XLS กระจังหน้าสีเทา ไฟตัดหมอกหน้าทรงกลม ไฟเบรคดวงที่ 3 ในรุ่น XLT จะหรูขึ้นอีกด้วยไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์แบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ กระจังหน้าโครเมียม และกระจกมองข้างปรับพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว และรุ่น Wildtrak ไฟตัดหมอกจะเป็นทรงสี่เหลี่ยม มีไฟใต้กระจกมองข้าง และชุดแต่งวายด์แทร็ก



       บันไดข้างเป็นอีกจุดที่ปรับมาดีกว่าของเดิมที่เป็นแบบท่อในครั้งก่อน ครั้งนี้เหมือนเอาของ BT-50 Pro มาใส่แต่ดูดีกว่า ซึ่งเวลาขึ้นหรือลงมันง่ายกว่าเดิมชัดเจน คือเหยียบยังไงก็เจออ่ะ 



       ล้ออัลลอยลายใหม่ทั้งหมด ในรุ่น XL จะได้ล้อกระทะขนาด 16 นิ้ว ไม่มีฝาครอบ รุ่น XLS ได้ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว รุ่น XLT ได้ล้ออัลอยลายหนาเตอะขนาด 17 นิ้ว และรุ่น Wildtrak ได้ล้ออัลลอยปัดเงาขนาด 18 นิ้ว ซึ่งจะให้ทุกรุ่น ไม่เว้นแม้แต่เครื่อง 2.2 ลิตรเหมือนรุ่นก่อนแล้ว




       การ์ดกันกระแทกที่อยู่ด้านล่างกันชนหน้าฟอร์ดก็ได้เอากลับมาอีกครั้ง ซึ่งให้มาทั้งตัวเตี้ยและยกสูงเลย มันจะเป็นแผ่นพลาสติกบางๆติดไว้เวลาเราปีนไต่อะไรสักอย่าง เจ้านี่แหละจะเป็นตัวกันครูดรวมถึงเป็นตัวตัดลมเวลาใช้ความเร็ว ซึ่งจะมีผลในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์




       ฝากระโปรงหน้าออกแบบใหม่และยังให้โช๊คค้ำมาให้อีกด้วย ถือว่าเป็นครั้งแรกในกระบะบ้านเรา แต่ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าแผ่นกันความร้อนใต้ฝากระโปรงนั้นหายไป ที่จริงมันหายไปตั้งแต่โมเดลเก่า MY15 แล้วล่ะ แต่ก็ยังติดมาให้ในตัววายด์แทร็ค และรูฉีดน้ำฝนก็ถูกย้ายไปซ่อนไว้ใกล้ๆกับก้านปัดหน้าฝนแบบใหม่อีกเช่นกัน



       นอกจากนี้ Ranger ยังได้ติดตั้งไฟส่องท้ายกระบะมาให้ ซึ่งจะอยู่ในรุ่น XLT ซ่อนไว้ใต้ไฟเบรคดวงที่ 3 และรุ่น Wildtrak อยู่ใต้สปอร์ตบาร์ ส่วนรุ่น XL และ XLS ไม่มีมาให้ครับ



ฟอร์ดได้ตัดไฟตัดหมอกหลังในรุ่น WT 3.2 ลิตร ออกไปเรียบร้อยแล้ว..สรุปของเรนเจอร์ไม่มีแล้วนะครับ
ช่องต่อไฟ 12 โวลต์ บนพื้นปูกระบะท้าย  เฉพาะ WT

       ก่อนจะเข้าไปดูภายในขอแวะมาที่การเก็บรายละเอียดของบานประตูกันก่อนครับ เพราะผมสังเกตได้ว่าตอนปิดประตูจะมีความหนักแน่นขึ้นกว่าเดิมในแบบสไตล์รถยุโรป และลองไปปิดประตูรุ่นเดิมที่จอดข้างๆกันจะมีเสียงที่โปร่งกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด

       มาถึงภายในของรุ่น XL ยังใช้แผงคอนโซลหน้าแบบเดิมอยู่ และไม่มีการตกแต่งวัสดุเงินแต่อย่างใด  มีชุดเครื่องเสียงที่สามารถเล่นวิทยุได้อย่างเดียว มีช่องต่อ AUX, ลำโพง 4 ตัว, ระบบปรับอากาศธรรมดา, เบาะผ้า, เบาะนั่งคนขับปรับตำแหน่งได้ 4 ทิศทาง, เซ็นทรัลล็อก และช่องต่อไฟ 12V จำนวน 2 จุด

       ส่วนรุ่น XLS ยังได้แผงคอนโซลแบบเดิมเช่นกัน แต่สิ่งที่จะได้เพิ่มเติมจากรุ่น XL ก็จะมีเครื่องเล่น CD/MP3 แบบแผ่นเดียวได้ ช่องต่อ AUX/USB, ลำโพง 6 ตัว, กระจกหน้าต่างปรับไฟฟ้าขึ้น-ลงอัตโนมัติเฉพาะด้านคนขับ, เบาะนั่งคนขับปรับตำแหน่งได้ 6 ทิศทาง, จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิตอล แถมยังมีระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอยังให้พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันควบคุมเครื่องเสียง พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control อีกต่างหาก เอ้ยไม่ธรรมดานะเนี่ย บางค่ายรุ่นกลางๆด้วยซ้ำถึงจะได้ออพชั่นนี้

       ต่อมาในรุ่น XLT จะมีความแต่ต่างจากสองรุ่นบนอย่างชัดเจน แผงคอนโซลถูกออกแบบใหม่เหมือนใน All New Everest รวมๆจะดูมีความหรูหรามากขึ้น โดยสิ่งที่ได้ต่อจากรุ่น XLS ได้แก่ จอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์แบบสีขนาด 4 นิ้วบริเวณกลางคอนโซล, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ, ก้านไฟเลี้ยวแบบใหม่ พร้อมย้ายมาอยู่ทางขวามือเหมือนรถญี่ปุ่น และเบาะนั่งและแผงประตูแบบผ้าพรีเมี่ยม 

       สุดท้ายรุ่น Wildtrak จะมีความพรีเมียมขึ้นมาอีกระดับด้วยการตกแต่งคอนโซลหน้าด้วยหนังพร้อมเดินตะเข็บสีส้มไว้อย่างสวยงาม (ในรุ่น Wildtrak 3.2 ลิตร เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง) เพิ่มช่องต่อ USB 2 จุด, ช่องต่อ SD Card, ระบบ WiFi Hotspot และหน้าจอสีแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ดังนั้นใครอยากได้จอก็ต้องมาเล่นรุ่น Wildtrak สถานเดียว ข่าวร้ายอีกอย่างคือ "ไม่มีระบบนำทาง และเล่น DVD ไม่ได้นะครับ" จบข่าว เง้อ!!! น่าจะใส่มาให้! แต่ยังมีไฟตกแต่งภายในห้องโดยสารเปลี่นยนได้ 7 สี, พวงมาลัย หัวเกียร์ แผงประตูเย็บหนัง, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา, เบาะนั่งหนังผสมผ้า, กล่องทำความเย็น, ช่องต่อไฟ 12V 2 จุด และช่องต่อไฟ 230V 1 จุด


 รุ่น Wildtrak
 มาตรวัดรุ่น Wildtrak
 รุ่น Wildtrak 

  รุ่น Wildtrak
ปุ่มกดล็อคประตู
หน้าตาชุดเครื่องเสียงในรุ่น XLT ปุ่มเยอะตามสไตล์
ที่วางของในรุ่น XLT รุ่น WT ไม่มีครับ
มาตรวัดรุ่น XLT

       เบาะนั่งผ้าแบบพรีเมียมเมื่อเทียบกับเบาะผ้าตัวเดิม จะรู้สึกได้เลยว่ามีความนุ่มกว่ากันแบบชัดเจน! เพราะตัวเดิมจะแข็งแบบนั่งไม่สบายตัวเท่าไหร่ รวมไปถึงเบาะหนังในตัว Wildtrak เช่นกัน มีความนุ่มกว่ากันเมื่อลองนั่งเทียบ แต่ส่วนตัวผมรู้สึกว่าเบาะรุ่นวายด์แทร็กมันมีผ้าแซมมากไป มันเลยลดความหรูหราไปพอสมควร แต่ก็เข้าใจว่าเขายังต้องการให้ภายในดูลุยๆเพื่อสอดคล้องกับการดีไซต์ภายนอก ส่วนก็แล้วแต่คนชอบครับ เพราะไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร

       โดยรวมแล้วฟอร์ดแบ่งรุ่นย่อยและให้ Options มาแบบสมเหตุสมผล ถึงแม้บางรุ่นยังได้ใช้คอนโซลหน้าแบบเดิม แต่สำหรับผมยังรับได้นะเพราะมันยังสวยอยู่ และการให้ความสะดวกสบายอย่างระบบสั่งการด้วยเสียง SYNC และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ทั้งๆที่บางค่ายในตัวแพงๆยังไม่ใส่มาให้ จุดนี้ต้องชมทางฟอร์ดที่ให้มาและเป็นอีกตัวเลือกที่คุ้มค่า





ขุมพลังของ Ranger Minorchange มีด้วยกันทั้งหมด 2 เครื่องยนต์ 3 แบบ ได้แก่

  • เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 3,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-1,700 รอบต่อนาที (ในรุ่น XL และ XLS)
  • เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว VG เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 3,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 385 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที (ในรุ่น XLT และ Wildtrak)
  • เครื่องยนต์ดีเซล 3.2 ลิตร 5 สูบ แถวเรียง 20 วาล์ว VG เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า ที่ 3,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที (ในรุ่น XLT และ Wildtrak)...ทั้งนี้ฟอร์ดได้ทำการตัดเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตรออกไปเรียบร้อยแล้วครับ
       ส่วนระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีดที่มีการปรับเซ็ตให้การเข้าเกียร์นุ่มกว่าเดิม และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด นอกจากนี้ในรุ่น XLT ขึ้นไประบบพวงมาลัยได้เปลี่ยนมาใช้แบบไฟฟ้า EPAS เป็นที่เรียบร้อยแล้วล่ะครับ



ระบบความปลอดภัยก็ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอย่างครบครัน ดังนี้
รุ่น XL สิ่งที่จะได้คือ
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ3 จุด พร้อมระบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ
  • ระบบกุญแจ Immobilizer

รุ่น XLS สิ่งที่ได้เพิ่มจากรุ่น XL คือ
  • ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
  • ระบบกระจายแรงเบรก EBD
  • แผงไล่ฝ้ากระจกหลัง
  • เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด สำหรับผู้โดยสารแถวหลังทั้ง 3 ที่นั่ง (ในรุ่น 4 ประตู)
  • ผนักพิงศีรษะสำหรับผู้โดยสารแถวหลังทั้ง 3 ที่นั่ง (ในรุ่น 4 ประตู)
  • จุดยึดสำหรับเบาะนั่งเด็ก (ในรุ่น 4 ประตู)
รุ่น XLT สิ่งที่ได้เพิ่มจากรุ่น XLS คือ
  • สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง

รุ่น Wildtrak สิ่งที่ได้เพิ่มจากรุ่น XLT คือ
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย 
  • ระบบควบคุมการทรงตัว ESP
  • ระบบป้องกันการลื่นไถล TCS
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
  • ระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง TSC
  • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา HDC
  • ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM
  • ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกระทันหัน ESS
  • กล้องมองภาพขณะถอยจอด
  • สัญญาณเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย
  • สัญญาณกันขโมย
  • สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า (ในรุ่น Wildtrak 3.2 ลิตร)
Ford Ranger Minorchange ใหม่ มีสีให้เลือก ดังนี้
สีขาว Cool White
สีดำ Black Mica
สีเงิน Aluminum Metallic
สีเทา Metropolitan Gray
สีแดง True Red
สีน้ำเงิน Aurora Blue
สีฟ้า Blue Reflex
และสีพิเศษ สีส้ม Pride Orange สำหรับรุ่น Wildtrak เท่านั้น


ราคาของ Ford Ranger Minorchange ใหม่ มีทั้งหมดดังนี้
Standard Cab ตอนเดียว

2.2L LR ราคา 549,000 บาท
2.2L SWB HR MT ราคา 575,000 บาท
3.2L SWB 4X4 w/TMS AT ราคา 749,000 บาท
-----------------------------------------------
Open Cab ตอนครึ่ง
2.2L XL MT LR ราคา 599,000 บาท
2.2L XLS MT LR ราคา 659,000 บาท
2.2L XLS MT HR ราคา 699,000 บาท
2.2L XLT MT HR ราคา 749,000 บาท
2.2L XLT AT HR ราคา 789,000 บาท
2.2L 4X4 XLT MT ราคา 809,000 บาท
3.2L 4X4 XLT MT ราคา 859,000 บาท
-------------------------------------------------
Double Cab สองตอน
2.2L XLS MT HR ราคา 789,000 บาท
2.2L XLT MT HR ราคา 829,000 บาท
2.2L XLT AT HR ราคา 869,000 บาท
2.2L 4X4 XLT MT ราคา 909,000 บาท
3.2L 4X4 XLT AT ราคา 1,019,000 บาท
--------------------------------------------------
Double Cab Wildtrak
2.2L Wildtrak MT ราคา 925,000 บาท
2.2L Wildtrak AT ราคา 965,000 บาท
2.2L Wildtrak 4X4 AT ราคา 1,070,000 บาท
3.2L Wildtrak 4X4 AT ราคา 1,139,000 บาท (Top of the line)

*รุ่น 3.2L Wildtrak 4X4 AT + Roller Shutter ฝาปิดกระบะท้ายราคาพิเศษ 65,000 (รวมติดตั้งเฉพาะ 17-19 ก.ค.นี้) ราคา 1,204,000 บาท*





       The New Ford Ranger การมาครั้งนี้ถึงจะเป็นเพียงแค่การ Minorchange แต่มีอะไรมากมายที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี นอกจากจะเป็นรถกระบะที่ดูแมนที่สุดแล้ว การใส่ใจในรายละเอียดรวมถึงวัสดุที่ใช้ก็ถือว่าไม่น้อยหน้าเจ้าไหน และการที่เจ้าตลาด Toyota Hilux Revo ได้นำเอาฟอร์ด เรนเจอร์ และอีกหลายๆรุ่นไปเป็น Benchmark หรือตัวเปรียบเทียบเพื่อไปพัฒนาและศึกษานั้น ทำให้ฟอร์ดจะต้องทำการบ้านอย่างหนักเพื่อดันตัวเองหนีห่างออกไปอีกให้ได้ การที่รีโวเปิดตัวพร้อมราคาไปก่อนนั้น ฟอร์ดจึงมีเวลาที่จะจัดสเปคเพื่อจะให้ชนหรือเหนือกว่าในราคารุ่นท็อปที่เท่ากัน 1.139 ล้านบาท ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ใช่คู่แข่งทางยอดขายกันโดยตรง แต่เชื่อว่า Ford Ranger จะต้องแย่งยอดมาจาก Revo พอสมควร ต่อจากนี้ก็จะมี Mazda BT-50 Pro MC และ Isuzu D-Max MC ชูจุดเด่นที่เครื่องยนต์ใหม่ ก็ยิ่งจะเพิ่มความเข้มข้นขึ้นไปอีก...!!


ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars คลิกที่นี่

**************************************



วีดีโอรุ่น XLT
วีดีโอรุ่น Wildtrak



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น