วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

สิ้นสุดการรอคอย All New Toyota Innova Crysta เผยโฉมแล้วในไทย!

       เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยหลังจากที่รอกันมานานกับเจ้า All New Toyota Innova พร้อมชื่อต่อท้ายใหม่ว่า Crysta โดยในหลายประเทศเพื่อนบ้านก็ใช้ชื่อนี้เช่นกัน และได้ทำตลาดกันไปก่อนหน้านี้แล้ว!




การมาของ All New Toyota Innova Crysta ถึงว่าเป็นอีกรุ่นที่มีการจับตามองกันพอสมควร เพราะรุ่นปัจจุบันที่ทำตลาดมานาน แฟนๆก็หวังจะได้เห็นตัวใหม่นี้เร็วๆ แต่ก็ถือว่าเป็นน้องใหม่ที่อยู่ร่วมโครงการในการพัฒนาพื้นฐานเดียวกับ Hilux Revo และ Fortuner ซึ่งเว้นระยะห่างกว่าทั้งสองแรมปี

All New Innova Crysta ใหม่ แม้จะมีดีเอ็นเอเดียวกัน แต่ได้รับการออกแบบให้แตกต่างจากสองรุ่นที่ใช้พื้นฐานเดียวกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งด้านหน้าจะเห็นไฟหน้าเรียวยาวพร้อมเลนส์โปรเจกเตอร์แบบ LED รวมแผงไฟ DRL ไว้ในโคมเดียวกัน

กระจังหน้าสองแถบทำมุมตัดลงด้านล่างให้รับกับช่องรับอากาศขนาดใหญ่ ส่วนในกรอบของไฟตัดหมอกจะรวมไฟเลี้ยวเข้าไว้ด้วย กระจกหน้าต่างยาวและตวัดขึ้นในตอนท้าย มีล้อกระทะพร้อมฝาครอบในรุ่นล่าง, ล้ออัลลอย 16 นิ้ว และล้ออัลลอย 17 นิ้วในรุ่นท็อป มีราวหลังคาในตัว ส่วนไฟท้ายจะเป็นทรงแนวนอนและตั้ง





การออกแบบภายในจะเน้นความหรูหราเข้าว่า ทั้งยังจัดอุปกรณ์ให้ง่ายต่อการใช้งาน การตกแต่งจะเป็นลายไม้ โดยเบาะนั่งจะมีทั้งแบบผ้าและหนัง เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ระบบความบันเทิงจะมีชุดเครื่องเสียงที่สามารถเล่น DVD ได้ พร้อมจอสัมผัส 8 นิ้ว มีระบบนำทาง มีปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ส่วนอีกหนึ่งไฮไลท์จะอยู่ที่ไฟเพดานแสงสีฟ้าที่ให้อารมณ์หรูสุด

ขุมพลังจะมี 2 แบบ คือเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 139 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 183 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบเกียร์ธรรมดา 5
 สปีด

และเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.8 ลิตร VN Turbo ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิด 360 นิวตันเมตร ที่ 1,200 - 3,400 รอบต่อนาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด





อุปกรณ์และระบบความปลอดภัยจะมีถุงลมนิรภัย 7 จุด (คู่หน้า, หัวเข่าคนขับ, ด้านข้าง และม่านนิรภัย) 
ระบบเบรคป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรค EBD, ระบบเสริมแรงเบรค BA 
- กล้องมองภาพด้านหลังปรับได้ 3 ระดับ
- ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC


มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย พร้อมราคาค่าตัวดังนี้
รุ่น 2.0E เบนซิน เกียร์ธรรมดา ราคา 1,129,000 บาท
รุ่น 2.8G ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,235,000 บาท 
รุ่น 2.8V ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,399,000 บาท

       All New Innova Crysta มีสีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว Super White II, สีเงิน Silver Metallic, สีดำ Attitude Black และสีขาวมุก White Pearl Crystal (เพิ่ม 10,000 บาท) โดยทาง Toyota ตั้งเป้าหมายจบสิ้นปีนี้ที่ 600 คัน ก็ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจ แม้ว่าราคาจะดูสูสีกับรถ PPV ค่ายเดียวกัน แต่จุดประสงค์ในการใช้งานหรือความชื่นชอบน่าจะมีผลต่อคนที่จะเลือกซื้อมากกว่า!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars คลิก!
***************************

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

แอบถ่ายก่อนเปิดตัว Toyota Vios 'TRD Spotivo' เวอร์ชั่นล่าสุดในมาเลเซีย!

       Toyota Vios ถือว่าเป็นรถยอดนิยมอีกรุ่นหนึ่ง ไม่ใช่แค่ในเมืองไทย ประเทศเพื่อนบ้านเราก็นิยมไม่แพ้กัน ซึ่งล่าสุดมีภาพหลุดของรุ่น TRD Spotivo ใหม่ออกมาที่มาเลเซีย!

ภาพหลุดก่อนเปิดตัวของ Toyota Vios ในมาเลเซียที่ถูกเผยแพร่โดยสื่อ keyauto.my จากลานจอดรถของโชว์รูมที่ใดสักแห่ง ซึ่งจะมีด้วยกัน 2 รุ่น นั่นคือรุ่น GX และรุ่น TRD Spotivo เวอร์ชั่นล่าสุด





มาเริ่มจากตัว GX น่าจะวางเป็นรุ่นรองท็อป และมีการตกแต่งรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นสเกิร์ตรอบคัน ด้านหน้า ด้านข้าง และด้านท้าย พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันบริเวณใต้ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์ ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วปัดเงา ภายในมีเบาะหุ้มด้วยหนัง พวงมาลัยหนังพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง มีจอสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว สามารถเล่น DVD ได้

ส่วนระบบความปลอดภัยจะมีทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรค ABS, EBD, BA, ระบบป้องกันการลื่นไถล, ระบบควบคุมการทรงตัว, เซ็นเซอร์กะระยะถอยหลัง และกล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด




ส่วนรุ่น TRD Spotivo จะมีชุดสเกิร์ตหน้าแบบใหม่พร้อมตกแต่งด้วยเส้นสีเงิน คิ้วกระจังหน้าสีดำเงา ล้ออัลลอยขัดเงาลายใหม่ สเกิร์ตด้านข้างและหลัง คิ้วกันสาดขอบกระจกหน้าต่าง โลโก้ 'TRD Spotivo' ที่ฝาท้าย ภายในเบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง พวงมาลัยปรับระดับได้ นอกนั้นก็จะเหมือนกับรุ่น GX ทั้งหมด

เครื่องยนต์เบนซิน 2NR-FE Dual VVT-i ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลัง 107 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 140 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด

       คาดว่า Toyota Vios รุ่น GX และรุ่น TRD Spotivo จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ในประเทศมาเลเซีย ส่วนบ้านเรายังไม่มีข้อมูลในการเปลี่ยนแปลงหรือโฉมไมเนอร์เชนจ์ที่เปิดตัวในจีนไปแล้วจะมาในช่วงไหนอย่างไร โปรดต่อตามกันต่อไป!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars คลิก!
***************************
ที่มา keyauto.my

Toyota Corolla Altis 'Dynamic Edition' รุ่นพิเศษจำกัดจำนวนที่บราซิล!

       Toyota ประเทศบราซิลได้จับเจ้า Corolla Altis มาตกแต่งพิเศษเล็กๆน้อยๆในชื่อ Dynamic Edition พร้อมการตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน!



Toyota Corolla Altis 'Dynamic Edition' รุ่นพิเศษที่บราซิล เป็นการนำรุ่นรองท็อป XEi มาทำ จะเห็นได้ว่าไฟหน้าได้แบบธรรมดา ส่วนเลนส์โปรเจกเตอร์จะอยู่ในรุ่นท็อปรุ่นเดียว การตกแต่งของ 'Dynamic Edition' ภายนอกจะมีการติดไฟส่องสว่างยามกลางวัน DRL แบบ LED เหนือไฟตัดหมอก ส่วนกระจกมองข้าง, ล้อแม็กซ์ จะมาในโทนสีดำ

ภายในจะหรูด้วยเบาะหนังสีดำ มีหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง ระบบความปลอดภัยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และเข่าคนขับรวม 5 จุด กล้องมองภาพด้านหลัง 




เครื่องยนต์จะเป็นเบนซิน Dual VVT-I ขนาด 2.0 ลิตร กำลัง 153 แรงม้า พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด พร้อมโหมดสปอร์ต และแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่คอพวงมาลัย Paddle Shift

       Toyota Corolla Altis 'Dynamic Edition' รุ่นพิเศษเฉพาะบราซิลจะมีจำนวนจำกัดเพียง 400 คันเท่านั้น ซึ่งน่าจะเป็นรุ่นที่ทำออกมาเพื่อส่งท้ายก่อนเปลี่ยนโฉม Minorchange ซึ่งในบ้านเราจะไม่ได้ใช้รุ่นตกแต่งพิเศษนี้ แต่รุ่นไมเนอร์เชนจ์น่าจะมาช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars คลิก!
***************************
ที่มา indianautosblog และ toyota.com

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559

Honda Mobilio ในอินเดียตัวล่างสุดไม่มีถุงลมฯ รับคะแนนการชน 0 ดาว!

       ความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ควรมองควบคู่ไปด้วยในการเลือกซื้อรถ เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น อุปกรณ์ความปลอดภัยนี่แหละคือสิ่งสุดท้ายจากฝีมือผู้ขับขี่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการปกป้องคนในรถ!


โดยล่าสุดทาง Global NCAP.ได้นำรถรุ่น Honda Mobilio สเปคที่จำหน่ายอยู่ในประเทศอินเดียมาทดสอบการชนว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง โดย Mobilio Ver. India ในรุ่นล่างๆจะไม่มีถุงลมนิรภัยมาให้ และรุ่นสูงจะมีให้ 2 ตำแหน่งคู่หน้า ไปดูกันครับว่าทั้ง 2 รุ่นจะมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน



เริ่มจากรุ่นที่ไม่มีถุงลมนิรภัย เมื่อเข้าสู่การทดสอบชนด้านหน้าแบบครึ่งซีกด้วยความเร็ว 64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในส่วนของการปกป้องผู้โดยสารด้านหน้าที่เป็นผู้ใหญ่จะได้รับคะแนนไป 0 จาก 17 คะแนน คิดเป็น 0 ดาว ซึ่งส่วนที่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงคือศีรษะถูกกระแทกเข้ากับพวงมาลัยและคอนโซลหน้า รองมาจะเป็นหน้าอกและตามด้วยขา ส่วนการปกป้องเด็กที่นั่งเบาะหลังได้ไป 11.11 จาก 49 คะแนน คิดเป็น 1 ดาว




และรุ่นที่มีถุงลมนิรภัยคู่หน้าจะได้รับคะแนนการปกป้องผู้โดยสารด้านหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ไป 9.85 จาก 17 คะแนน คิดเป็น 3 ดาว บริเวณศีรษะและคอจะได้รับการป้องกันอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ส่วนหน้าอกและขาก็ทำได้ดีกว่า การปกป้องเด็กที่นั่งเบาะหลังได้ไป 16.82 จาก 49 คะแนน คิดเป็น 2 ดาว

David Ward เลขาธิการของ Global NCAP กล่าวว่า "อุปกรณ์ความปลอดภัยเหล่านี้ไม่ควรทำให้เป็นตัวเลือก ควรให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อยเพื่อความปลอดภัยมากขึ้นของผู้ใช้รถในอินเดีย และเราหวังว่าพวกเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีเร็วๆนี้"


       Honda Mobilio ที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทยจะมีถุงลมนิรภัยคู่หน้า และระบบเบรค ABS, EBD เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่นย่อย!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars คลิก!
***************************
ที่มา paultan

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

Honda รุ่นพิเศษ CR-V Special Edition 2.0 SE 4WD เอาใจสปอร์ตเพียง 2 สี!!

       มาถึงช่วงโค้งสุดท้ายแล้วสำหรับ Honda CR-V ที่อยู่ในช่วงปลายอายุในการทำคลาดแล้ว ซึ่งในตอนนี้ตัวใหม่กำลังอยู่ทดสอบอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนเผยโฉมเร็วๆ นี้!


ส่วนในบ้านเราก็ดูเหมือนว่าจะมีการขยับที่สอดคล้องกัน เพราะล่าสุดทางฮอนด้าได้แนะนำ Honda CR-V รุ่นพิเศษ Special Edition 2.0 SE 4WD โดยจะมีอุปกรณ์ตกแต่งรอบคัน พร้อมเพิ่มระบบความปลอดภัยเข้ามาใหม่อีกด้วย

กระจังหน้าใหม่แบบโครเมี่ยม ไฟ
หน้า Projector แบบ HID ซึ่งจะมีการ์ดกันชนทั้งหน้าและหลังมาให้ตกแต่งสีเงิน ล้ออัลลอยใหม่ขนาด 17 นิ้วสีดำ สปอยเลอร์หลัง และอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ถูกเพิ่มเข้ามานั่นก็ตือระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Honda LaneWatch



ส่วนเครื่องยนต์นั้นยังคงเป็นขนาด 2.0 ลิตร SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 190 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ

       Honda CR-V รุ่นพิเศษ Special Edition 2.0 SE 4WD จะมีให้เลือกเพียง 2 สี คือภายนอกสีดำ Crystal Balck Pearl ภายในสีเบจ ราคา 1,417,000 บาท และภายนอกสีขาวมุก White Orchid Pearl ภายในสีดำ ราคา 1,421,000 บาท!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars คลิก!
***************************
ที่มา honda

ชมวิดีโอแอบถ่าย New KTM Duke 390 2017 แบบใกล้ชิดครั้งแรก!

       ใครที่กำลังติดตามข่าวสารของ New KTM Duke 390 วันนี้มีภาพวิดีโอแบบรอบคันมาให้ชมกันครับ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการเผบแพร่ภาพที่ชัดเจนและเห็นทุกสัดส่วน!


โดยภาพ Video นี้ถูกถ่ายได้ ณ ลาดจอดรถแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้บันทึกสามารถจับภาพได้แบบใกล้ชิดและนานมากพอที่จะทำให้เราเห็นถึงรายละเอียดตัวรถที่ถูกปรับใหม่

ไฟหน้าใหม่แบบ LED แยกสองฝั่งซ้าย/ขวา ทรงถังน้ำมันและแฟริ่งนั้นจะได้รับ DNA มาจากรุ่นพี่ Super Duke แต่โครงถักยังคล้ายของเดิมอยู่ หน้าจอแสดงผลแบบ Full Digital ทรงสี่เหลี่ยมแบบใหม่ แต่ตรงนั้นไม่มีปุ่มกดเพื่อเลือกฟังก์ชั่นเหมือนรถทั่วๆไป เพราะปุ่มสวิตช์ควบคุมหน้าจอจะถูกย้ายมาไว้บริเวณแฮนด์ฝั่งซ้าย

เครื่องยนต์แบบสูบเดี่ยว ความจุ 373 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งกำลังจะอยู่ที่ 44 แรงม้า แรงบิด 35 นิวตันเมตร พร้อมคันเร่งแบบ Ride by wire และจะมีโหมดการขับขี่ได้ติดรถมาให้อีกด้วย

       New KTM Duke 390 อาจเผยโฉมในเดือนพฤศจิกายนนี้ที่งาน EICMA 2016 ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นงานที่มีรถจ่อคิวเปิดตัวอยู่มากมายและเป็นที่จับตามองของผู้คนทั่วโลก แต่ตอนนี้ไปชมคลิป Video กันก่อนดีกว่าครับ!


ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars คลิก!
***************************
ที่มา indianautosblog

ภาพเพิ่มเติม Honda CBR1000RR 2017 ข้าวของคุ้นๆ แต่แฟริ่งใหม่หมด!

       เชื่อว่า New Honda CBR1000RR 2017 จะเป็นรถอีกรุ่นที่มีแฟนๆ คอยติดตามและเฝ้ารอการมาของเขาอยู่ไม่น้อย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีข่าวคราวออกมาอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดได้มีภาพคันจริงถูกแอบถ่ายออกมาจนได้!



เราเคยนำเสนอเรื่องนี้ไปแล้วบนหน้าแฟนเพจ แต่นี่จะมีภาพหลุดเพิ่มเติมที่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เราสามารถเห็นถึงการดีไซน์และสัดส่วนที่สมจริงกว่าภาพชุดแรก แต่ข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้เปรยว่า CBR1000RR โฉมใหม่จะมีการเปลี่ยนแปลงแทบจะเรียกได้ว่าหมดเปลือก ใส่ความดุดันเข้าไป ซึ่งจากภาพที่ออกมาไม่ได้เป็นแบบนั้น

เพราะจากการสังเกตดูแล้วเหมือนกับว่าจะแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นชุดกันสะเทือนด้านหน้า/ด้านหลัง ลายล้อ แคร้งเครื่องยนต์ จะมีหน้าตาแทบจะคล้ายของเดิมเกือบทั้งสิ้น นั่นจึงทำให้เอะใจขึ้นมาว่าเขาจะเปลี่ยนแค่เปลือกนอกเท่านั้นหรือเปล่า





นั่นเป็นสิ่งที่จะต้องรอดูกันต่อไปว่าสิ่งที่เห็นจะเหมือนความจริงหรือไม่ แต่คิดว่าคงจะมีการปรับปรุงเซ็ตชุดช่วงล่าง รวมถึงเครื่องยนต์ให้มีความแซ่บขึ้นกว่าเดิมแน่นอน แต่ถ้าถามถึงการดีไซน์แล้วล่ะก็ บอกเลยว่าเปลี่ยนจากเดิมทั้งคัน ซึ่งธีมการออกแบบจะมาในยุคใหม่ของฮอนด้า จะเห็นได้จาก CBR500R, CBR150R และ CBR250RR ที่เปิดตัวไปก่อนแล้ว สิ่งที่เหมือนกันคือการใช้ไฟหน้าแบบ Full LED เพื่อความสว่างที่ชัดเจนมากขึ้น


ไฟหน้าลดความโฉบเฉี่ยวลงไป แต่เพิ่มความดุดันใส่แทน แฟริ่งด้านข้างแบบใหม่น้อยชิ้นกว่าเดิม แต่ปกปิดเครื่องยนต์มากขึ้น ซึ่งทำให้รถดูโหดขึ้นมาอีกหน่อย สลัดคราบผู้ดีในรุ่นเดิมออกไป ส่วนท่อไอเสียเปลี่ยนใหม่ใหญ่ขึ้นและชูชันกว่าเดิม และด้านท้ายก็มีความอวบมากขึ้น และไล่สัดส่วนให้เรียวแหลมในตอนปลาย

       นอกจากนี้ระบบความปลอดภัยต่างๆ ก็คาดว่าจะถูกจับยัดเข้าไปให้สามารถฟัดกับคู่แข่งได้ กำหนดการเปิดตัวน่าจะอยู่ในช่วงปลายปีนี้ หรือไม่ก็อาจได้เห็นในงาน EICMA Show เดือนพฤศจิกายนนี้ ที่เมืองมิลาน ประเทศอีตาลี!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars คลิก!
***************************
ที่มา motorcycle.com

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

All New Honda CBR150R โฉมใหม่ รุกตลาดฟิลิปปินส์แล้ว!

       All New Honda CBR150R โฉมใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวไปในอินโดนีเซียเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะทำตลาดในไทยช่วงไหน เมื่อไหร่ สาวกได้แต่รอกับรอ!


แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา Honda ประเทศฟิลิปปินส์ได้แนะนำ All New CBR150R พร้อมเปิดราคาขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการทำตลาดในนามฮอนด้าเอง ไม่ใช่จากการนำเข้าเหมือนในบางประเทศที่มีข่าวก่อนหน้านี้

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการปิดข่าวที่มีหลายคนบอกว่า All New Honda CBR150R โฉมนี้จะขายแค่ในอินโดนีเซียเท่านั้น ซึ่งเป็นเพียงข่าวลือแบบไม่มีมูล เพราะโฉมนี้ทางฮอนด้าตั้งใจจะให้เป็น Global Model หรือทำเพื่อขายทั่วโลก ไม่ได้เฉพาะเพื่อประเทศใดประเทศหนึ่ง

All New CBR150R ที่ฟิลิปปินส์จะไม่มีอะไรต่างไปจากเวอร์ชั่นอินโดนีเซีย ซึ่งจะโดดเด่นด้วยไฟหน้าคู่แบบ LED ทั้งไฟส่องสว่างและไฟเลี้ยว เรือนไมล์แบบ Full Digital มาตรวัดรอบอยู่ด้านบน และมีไฟบอกตำแหน่งเกียร์อีกด้วย เบาะนั่งสองตอนแยกกันชัดเจน




Specification
มิติ ยาวxกว้างxสูง : 1,983 x 694 x 1,038 มม.
ระยะฐานล้อ : 1,311 มม.
ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ : 166 มม.
ความสูงเบาะจากพื้น : 787 มม.
น้ำหนัก : 135 กิโลกรัม
ถังน้ำมันเชื้อเพลิง : 12 ลิตร
เครื่องยนต์ : 1 สูบ 4 จังหวะ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ความจุ : 149.16 ซีซี
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง : หัวฉีด PGM Fi
ความกว้างxช่วงชัก : 57.3 x 57.8 มม.
กำลังอัด : 11.3 : 1
กำลัง : 17.1 แรงม้า ที่ 9,000 รอบต่อนาที
แรงบิด : 13.7 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบต่อนาที
ระบบเกียร์ : ธรรมดา 6 สปีด
โครงรถ : Diamond (Truss) Flame
ขนาดยางหน้า : 100/80-17 52P
ขนาดยางหลัง : 130/70-17 62P
ระบบเบรคหน้า : ดิสก์เบรค
ระบบเบรคหลัง : ดิสก์เบรค
ระบบกันสะเทือนหน้า : เทเลสโคปิก
ระบบกันสะเทือนหน้า : โช๊คเดี่ยว Pro Link


All New CBR150R ในฟิลิปปินส์จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี พร้อมราคาดังนี้
- สีดำ (BLACK) ราคา 150,000 Php หรือประมาณ 111,300 บาท (ราคาในอินโดนีเซีย 85,000 บาท)
- สีแดง (WINNING RED) ราคา 152,900 Php ประมาณ 113,500 บาท 
(ราคาในอินโดนีเซีย 87,000 บาท)
- สีส้ม (ลาย REPSOL SPECIAL EDITION) ราคา 155,000 
Php ประมาณ 115,000 บาท (ราคาในอินโดนีเซีย 87,600 บาท)

       All New Honda CBR150R นับจากนี้คงจะทยอยเปิดตัวในอีกหลายๆประเทศ ถามว่าบ้านเรามีโอกาสได้ใช้ไหม ขอบอกว่ามีโอกาสครับ แต่ตอนไหนนั้นยังไม่ทราบ จะปลายปีนี้หรือเป็นปีหน้าก็คงต้องติดตามกันต่อไป ทางเราจะคอยอัพเดทข่าวสารให้ตลอดครับ!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars คลิก!
***************************
ที่มา hondaph และ kumagcow

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

Nissan X-Trail Minorchange ปรับใหม่หลายจุด พร้อมเสริมระบบความปลอดภัย!

       ได้ฤกษ์เปิดตัวเสียทีสำหรับเจ้า Nissan Rouge หรือ X-Trail โฉม Minorchange ใหม่ในอเมริกา พร้อมการเปลี่ยนแปลงการดีไซน์ด้านหน้าใหม่และเพิ่มระบบความปลอดภัยใหม่ๆ เข้ามา!



Nissan Rouge/X-Trail มีอายุราว 3 ปีนับจากการเปิดตัวโฉมปัจจุบันครั้งแรก ซึ่งก็เป็นปกติที่จะต้องทำการปรับเปลี่ยนตัวรถเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงนี้ ซึ่งคู่แข่งอย่าง Honda CR-V, Mazda CX-5 ก็มีการปรับไปก่อนหน้านี้แล้ว ไปดูกันว่า Rouge/X-Trail Minorchange จะมีอะไรต่างจากเดิมบ้าง

เริ่มด้วยด้านหน้าที่มีการออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะเด่นด้วยกระจังหน้าแนว V-Shape ขนาดใหญ่ที่มีแนวไปสอดรับกับไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์เลนส์คู่ทั้งสองข้าง พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED กันชนหน้าถูกดึงเส้นสายให้มีความคมมากขึ้น ล้ออัลลอยสีดำสลับเงาขนาด 19 นิ้ว กันชนท้ายและไฟท้ายถูกออกแบบใหม่ให้มีเหลี่ยมสันมากกว่าเดิม



ส่วนภายในนั้นจะเล่นสีแบบทูโทนดำตัดน้ำตาลส้ม ซึ่งบริเวณคอนโซลฝั่งข้างคนขับจะมีวัสดุบุนุ่มสีน้ำตาลส้มมาให้ กรอบชุดเครื่องเสียงสีดำเปียโนแบล็ก คอนโซลเกียร์ใหม่ และที่สำคัญพวงมาลัยนั้นได้ยกเอาของรุ่นน้อง Nissan Kicks มาใส่

ขุมพลังจะมีทั้งเครื่องเบนซิน 2.5 ลิตร กำลัง 171 แรงม้า แรงบิด 233 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ XTronic CVT และเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Hybrid กำลัง 144 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้า 41 แรงม้า แรงบิด 160 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ XTronic CVT




ส่วนระบบความปลอดภัยใหม่ที่ใส่มาให้ก็มีหลากหลาย
- ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในมุมอับสายตา 
(BSW)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านขณะถอยหลัง (RCTA)
- ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงนอกช่องจราจร (LDW)
- ระบบรักษาให้รถอยู่ในช่องจราจร (LDP)ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (ICC)ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบช่วยเบรก (FEB)

       ในบ้านเรายังไม่มีกำหนดการณ์ทำตลาดที่ชัดเจนของ Nissan X-Trail Minorchange แต่ก็ถือว่ามีความน่าสนใจไม่น้อยจากการปรับเปลี่ยนตามที่ได้กล่าวไปแล้ว หากมีข่าวคราวทางเราจะแจ้งให้ทราบอีกที!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars คลิก!
***************************
ที่มา netcarshow

Nissan Kicks เปิดตัวแล้วที่ Mexico ราคาเริ่มต้น 5.23 แสนบาท!

       Nissan Kicks เป็นรถครอสโอเวอร์อีกหนึ่งรุ่นที่มีลุ้นจะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย ซึ่งตอนนี้ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศ Mexico เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!



Nissan Kicks จะเป็นรถที่มีความโดดเด่นในด้านรูปลักษณ์การออกแบบ ซึ่งจะให้อารมณ์คล้าย Nissan Juke ที่ได้รับความนิยมก็เพราะความแปลกใหม่จากการดีไซน์นั่นเอง ซึ่งที่เม็กซิโกจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 เกรด ได้แก่ รุ่น Sense, รุ่น Advance และรุ่น Exclusive

เริ่มจากรุ่น Sense จะมีการติดตั้งอุปกรณ์พื้นฐาน อย่างเช่น เครื่องเสียง วิทยุ/CD ช่องต่อ USB/AUX ลำโพง 4 จุด, เบาะนั่งแถวสองแยกพับได้แบบ 60:40, ถุงลมนิรภัยด้านหน้า, ระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BA ราคาประมาณ 523,900 บาท

ต่อมาเป็นรุ่น Advance ที่มีเพิ่มเติมมาดังนี้ ไฟส่องสว่างยามกลางวันแบบ LED, ไฟตัดหมอก, ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ, ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว, พวงมาลัยหุ้มหนัง และเซ็นเซอร์ขณะถอยจอด ราคาราวๆ 568,300 บาท

ส่วนรุ่น Exclusive จะมีจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT, ระบบความบันเทิงด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง, ระบบเชื่อมต่อ Nissan Connect, ลำโพง 6 ตัว, เบาะนั่งหุ้มหลัง และถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัยรวม 6 จุด, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว, ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง, ระบบช่วงเบรกอัตโนมัติ และกล้องมองภาพรอบคัน Around View Monitor ราคาประมาณ 643,400 บาท




เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร 4 สูบ กำลัง 118 แรงม้า ที่ 6,300 รอบต่อนาที แรงบิด 150 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ XTRONIC CVT


       ในบ้านเราก็มีโอกาสได้ใช้ Nissan Kicks เช่นกัน ซึ่งคาดว่าน่าจะได้เห็นช่วงปลายปี 2017 ถึงต้นปี 2018 โดยในปี 2018 จะมีคู่แข่งอีกหนึ่งรุ่นคือ Toyota C-HR เข้ามาทำตลาดในไทยด้วย งานนี้ดุเดือดแน่นอน!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars คลิก!
***************************

ที่มา nissan.com.mx และ indianautosblog.com