เมื่อหลายปีที่ผ่านมานั้นรถยนต์จีนส่วนใหญ่จะมีราคาถูกถึงถูกมาก แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยคุณภาพของตัวรถที่ด้อยกว่ารถต่างประเทศ แต่เมื่อเทคโนโลยีในการพัฒนาทุกวันนี้ก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลา รถแบรนด์จีนจึงจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงในด้านของคุณภาพทั้งวัสดุ เครื่องยนต์ และอื่นๆเพื่อที่จะแข่งขันและคำนึงถึงผู้ใช้รถมากขึ้น
เช่นเดียวกับ Great Wall Motor (GWM) แบรนด์ใหญ่ในจีนที่เป็นผู้ผลิตรถเอสยูวี และรถปิกอัพอันดับต้นๆของประเทศ และมีบริษัทในเครือกว่า 30 บริษัท GWM ยังเอาจริงเอาจังกับผลิตภัณฑ์เพื่อคนจีนและลงทุนขยายการทำตลาดในต่างประเทศ ถือว่าเป็นอีกแบรนด์ที่มองการณ์ไกลและกล้าที่จะออกมาเผชิญในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
ซึ่งวันนี้เราจะมารู้จักกับ GWM Steed 6 รถกระบะที่เรียกได้ว่าเป็นตัวชูโรงอีกรุ่นของค่ายนี้เลย ซึ่งนำเข้ามาทำตลาดในแอฟริกาด้วย โดยเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา GWM ค่อนข้างจะเน้นเจาะตลาดรถเพื่อการพาณิชย์พอสมควร โดยรุ่นที่แล้วอย่าง Steed 5 ก็ถือว่ามีกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวแอฟริกา
การมาของ Steed 6 ครั้งนี้ถือว่าเป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จในต่างแดนของรถจีน ซึ่งกระบะคันนี้จะมีรุ่นย่อยเพียง 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น SX และรุ่นท็อป Xscape โดยรูปลักษณ์จะโดดเด่นมากกว่ารุ่นที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด ไฟหน้าแบบโปรเจ็คเตอร์ทรงโฉบเฉียวที่เปิด-ปิดอัตโนมัติ กระจังหน้าโครเมียมทรงใหญ่มาก มีไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL ที่วางเหนือไฟตัดหมอก ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วทรงย้อนยุค โป่งล้อใหญ่และจะมีช่องระบายอากาศหลอกๆไว้คล้ายของ Ford Ranger เลย
ขยับมาดูด้านข้าง เอ้ะ!! นี่มันโครงห้องโดยสารของ D-Max รุ่นก่อนนี่นา ใช่แล้วครับรถคันนี้ใช้โครงสร้างในส่วนห้องโดยสาร บานประตูเดียวกันกับ D-Max 2011 แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้ชุดแชสซีเดียวกันแล้วนำมาพัฒนาต่อหรือเปล่า แต่คิดว่าน่าจะใช่เพราะรุ่น Steed 5 ก็ใช้จากดีแมกซ์โดยตรงเลย ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็พยายามสร้างความแตกต่างด้วยการดีไซต์กระจกมองข้างฝังไฟเลี้ยวใหม่ การ์ดกันกระแทกข้างประตู แต่กันชนหลังดูเฉิ่มๆไปนะ ทั้งยังมีการเสริมหล่อด้วยราวหลังคา บาร์กระบะ และกล้องมองหลังในรุ่น Xscape อีกด้วย ขนาดตัวรถมีความยาว 5,345 มม. กว้าง 1,800 มม. สูง 1,760 มม. และหนัก 1,810 กิโลกรัม
มาถึงส่วนของภายในจะมีความแตกต่างจากรุ่นที่แล้วแบบไม่เหลือซากเลย เพราะ Steed 5 ได้ยกแผงคอนโซลของ D-Max รุ่นแรกมาทั้งชุด และยังจิ้กเอาพวงมาลัยสี่ก้านของวีโก้มาอีกด้วย แต่จงลืมภาพนั้นไปซะ! เพราะ Steed 6 ได้มีการออกแบบใหม่ทั้งหมดยกชุดเช่นกัน เริ่มจากพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน มาตรวัดถูกแบ่งเป็นสองวง วัดรอบและความเร็วตามสไตล์รถยุคใหม่ ชุดเครื่องเสียงสามารถเล่นวิทยุ CD/MP3 ได้มีบลูธูท และลำโพง 4 ตัว (รุ่น Xscape 6 ตัว) ระบบปรับอากาศแบบธรรมดา และยังมีการเดินตะเข็บเย็บด้ายบริเวณคอนโซลหน้าด้วย โดยรวมถือว่าดีไซต์ออกมาได้ดีนะ เสมือนนั่งอยู่ในรถ SUV เลย แต่อุปกรณ์ต่างๆก็ไม่ได้หวือหวาเท่าไหร่นัก
ขุมพลังจะมีขนาดเดียวคือเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร VG Turbo ที่ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดที่ 305 นิวตัว-เมตร ที่ 1,000-2,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด สามารถทำอัตราสิ้นเปลืองประมาณ 11.36 กิโลเมตรต่อลิตร ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 70 ลิตร
ระบบความปลอดภัยก็ยังจัดมาให้แบบเต็มๆ ซึ่งในรุ่น SX จะมีถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรค ABS และ EBD, จุดยึดเบาะเด็ก และเฟืองท้าย Diff-Lock ส่วนรุ่น Xscape จะได้เพิ่มเติมดังนี้ ถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านถุงลมฯ, ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ, ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน และระบบวัดแรงดันลมยาง
จากการทดสอบของสื่อต่างประเทศกล่าวว่า "กำลังที่ออกมาจากเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร มีออกมาพอหอมปากหอมคอ เมื่อเร่งแซงในช่วงรอบของแรงบิดจะมีกำลังค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ได้ดึงมากมายเท่าไหร่ พวงมาลัยออกจะหนักมือไปสักหน่อย แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นรถที่คุ้มค่าถ้าเทียบกับราคา ความสบายภายในห้องโดยสาร รวมถึงระบบความปลอดภัยที่มีมาให้ และมันดีขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับ GWM Steed 5"
GWM Steed 6 ในรุ่น SX จะมีราคาอยู่ที่ 8.28 แสนบาท และรุ่นท็อป Xscape ราคาอยู่ที่ 9.11 แสนบาท การมาบุกตลาดรถยนต์ในแถบนี้ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควรสำหรับรถยนต์จากจีนคันนี้ ถึงแม้ว่าการออกแบบจะขาดเอกลักษณ์ของตัวเองไปบ้าง แต่ก็ยังดูโดดเด่นพอตัวเมื่อเทียบกับคู่แข่ง สมรรถนะอาจจะไม่เด่นมากแต่ก็คุ้มค่าเมื่อมองหาความประหยัดที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร นี่แหละจุดขายเขาล่ะ..!!
ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars คลิกที่นี่
************************************
GWM Steed 5
ที่มา leisurewheels.co.za