“บริษัทฯ ได้ศึกษาเรื่องการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามาระยะหนึ่งแล้ว จนกระทั่งมั่นใจว่าตลาดในประเทศไทยพร้อมแล้วสำหรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า บริษัทฯจึงเลือกรถโดยสารและรถยนต์นั่งไฟฟ้าของบีวายดี เข้ามาบุกตลาดเป็น 2 รุ่นแรก เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพ สมรรถนะและความปลอดภัยสูงของยานยนต์ไฟฟ้าบีวายดี อีกทั้งไม่ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศ และยังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ มีค่าซ่อมบำรุงรักษาต่ำกว่ารถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป ที่สำคัญแบตเตอรี่รถยนต์ หลังจากครบอายุการใช้งาน ไม่น้อยกว่า 15 ปี สามารถกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น ใช้เป็นแบตเตอรี่สำรองต่างๆ ดังนั้นจึงไม่เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน”
ดร.โกศล สุรโกมล ที่ปรึกษา บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ล็อกซเล่ย์” เป็นผู้นำด้านธุรกิจการค้าและเทคโนโลยีของประเทศไทย ที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 76 ปี ด้วยตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสภาวะโลกร้อน บริษัทฯ จึงได้ให้ความสำคัญด้านพลังงานทดแทนมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานเชื้อเพลิงจากสาหร่าย และพลังงานจากขยะ กับความคิดที่จะต่อยอดทางด้านยานยนตร์พลังงานทางเลือกใหม่ชนิดขับเคลื่อนจากพลังงานไฟฟ้า จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสตรี้ จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน “เปิดตัวรถโดยสาร และรถยนต์นั่งไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยนำเข้ามาประเดิมตลาดก่อน 2 รุ่น ได้แก่ รถโดยสารไฟฟ้า รุ่น K9 และรถยนต์นั่งไฟฟ้า รุ่น E6
สำหรับ รถโดยสารไฟฟ้า รุ่น K9 มาพร้อมกับขนาดความยาวถึง 12 เมตร เป็นรถโดยสารไฟฟ้าชานต่ำที่มีตัวถังรถทำจากอลูมิเนียมอัลลอยด์มีน้ำหนักเบา และไม่เป็นสนิม พร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับขนาด 180 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 250 แรงม้า ช่วงล่างมีระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ใช้แบตเตอรี่ชนิด Lithium Fe มีความจุขนาด 324 กิโลวัตต์ชั่วโมง ใช้เวลาในการประจุไฟฟ้าประมาณ 5 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 250 กิโลเมตรต่อการประจุไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง ทำให้มีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยราว 1.2 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อกิโลเมตร หรือประมาณ 4 บาทต่อกิโลเมตร และให้ความเร็วสูงสุดที่ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รถยนต์นั่งไฟฟ้า รุ่น E6 มีขนาด 5 ที่นั่ง ขนาดความยาว/กว้าง/สูง 4.560/1.822/1.645 เมตร มีระยะห่างช่วงล้อ 2.830 เมตร ขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับขนาด 90 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 121 แรงม้า ใช้แบตเตอรี่ชนิด Lithium Fe ที่ความจุ 61.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง ใช้เวลาในการประจุไฟฟ้าประมาณ 2 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 300 กิโลเมตรต่อการประจุไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง ทำให้มีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.13 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อกิโลเมตร หรือประมาณ 0.5 บาทต่อกิโลเมตร และให้ความเร็วสูงสุดที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ดร.โกศล กล่าวต่อไปว่า กลยุทธ์การทำตลาด จะนำเสนอในลักษณะโซลูชั่นที่ครอบคลุมตั้งแต่การจัดหารถโดยสารและรถยนต์นั่งไฟฟ้า การสนับสนุนด้านการบริหารการเงิน การบริการหลังการขาย การจัดหาอะไหล่สำรองต่างๆทั้งในระยะเวลารับประกันและหลังรับประกัน เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับการดูแลตลอดอายุการใช้งาน สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ในระยะแรกจะเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าที่เป็นหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยกลุ่มลูกค้ารถโดยสารไฟฟ้าจะเป็นหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ โรงเรียน มหาวิทยาลัย เป็นต้น ส่วนกลุ่มลูกค้ารถยนต์นั่งไฟฟ้าจะเป็นหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ บริษัทรถเช่า แท็กซี่มิเตอร์ โรงแรม เป็นต้น
ในส่วนของศูนย์บริการ ในระยะแรก บริษัทฯ จะร่วมมือกับพันธมิตรจัดตั้งศูนย์บริการกลาง และศูนย์บริการย่อย รวม 5 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากนั้นจะขยายศูนย์บริการเพิ่มเติมในระยะต่อมา ขณะที่ สถานีประจุไฟฟ้าจะมีการติดตั้งในเขตพื้นที่ของผู้ประกอบการ หรือผู้ให้บริการนั้นๆ และมีแผนจะขยายสถานีประจุไฟฟ้าสำหรับส่วนกลางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้มีจำนวนเพียงพอต่อความต้องการแน่นอน!!
ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่ : https://www.facebook.com/pages/MZ-Crazy-Cars/1410003339233043?ref=hl
******************************************************************************************
ที่มา ASTV
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น