ถ้าจะซักไซ้ไล่ความตั้งแต่ต้นที่เราได้มีโอกาสเห็นเจ้า Revo มันก็นานอยู่นะ..เห็นทีจะยาวเกินไป เอาเป็นว่ารถกระบะตระกูล Hilux เจอเนอเรชันที่ 8 นี้ ได้ออกมาวิ่งทดสอบในถนนเมืองไทยมาหลายเดือนแล้วล่ะ ผมยังจำได้เลยว่าภาพ Spyshot ชุดแรกที่ถูกถ่ายได้นั้น ต่างก็เข้าใจกันไปว่า มันคือ All New Nissan Navara (ผมล่ะคนนึง^^) ขบวนทดสอบนั้นได้พรางตัวด้วยวัสดุสีดำแบบเดียวกับที่เราเห็นจนรู้สึกว่า “เบื่อ” แล้วว่ะ?? เพราะจากวันนั้นจนถึงวันใกล้เปิดตัวก็ยังออกมาวิ่งพรางตัวกันแบบเดิมไม่ผิดเพี้ยน
ตามธรรมเนียมของรถปิกอัพ Hilux ที่จะเปลี่ยนชื่อต่อท้ายไปทุก Generation ซึ่งในครั้งนี้เองก็แอบสงสัยว่าจะมีการเปลี่ยนชื่อจริงไหมเพราะคุณงามความดีของชื่อ “VIGO” ได้สร้างชื่อเสียงมาตลอดทั้ง 11 ปีเต็ม (อะไรจะนานขนาดนั้น) เป็นรถกระบะขวัญใจชาวไทยหลายคน จนมียอดขายอันดับหนึ่ง 9 ปีซ้อน ตั้งแต่วันเปิดตัวในปี 2004 จนถึงวันนี้ก็กวาดยอดขายในประเทศไปแล้วล้านกว่าคัน รวมทั่วโลก 5 ล้านกว่าคัน ถือว่าเป็นรถยนต์ของโตโยต้าที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำทั้งทางบริษัทเอง และผู้บริโภค(ลูกค้า)ด้วยเช่นกัน
จริงๆแล้วก็มีกระแสข่าวออกมาอยู่นะว่าชื่อใหม่ของ All New Vigo จะใช้ชื่อ Revo แต่นั่นก็ยังไม่สามารถด่วนสรุปได้ เอาไปเอามาก็มีอะไรให้เซอร์ไพร์สอีกแล้ว ไม่ใช่อะไรหรอกครับก็ภาพหลุด All New Vigo จากในโรงงานนั่นเอง เป็นเรื่องที่ต้องบอกว่า “รอดูได้เลย” เพราะไม่ว่ารถคันไหนที่กำลังจะเปิดตัวออกสู่สายตาสาธารณชนก็มักจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ต่อมาก็ได้มีภาพซึ่งตอนนั้นคาดว่าน่าจะเป็นโบว์ชัวร์นำเสนอสินค้าก็หลุดออกมา(อีกแล้ว) แต่คราวนี้มันเห็นรายละเอียดมากกว่านั้นตรงที่มีชื่อรุ่นให้เห็นแล้วนั่นเอง ซึ่งก็ตามที่คาดกันไว้คือ Revo แต่พอชาวโซเชียลรู้ว่าชื่อรีโว่เท่านั้นแหละ!!...อามีอามีกาฟรื๊อ เดซิโก๊ะเดจินาโว กาโวกาโวกาโวกาโว…ขึ้นทันทีเลยครับ ฮ่าๆๆ (เพลงเขาก็กำลังฮิต ชื่อยังมาคล้ายกันอีก)
และแล้ววันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม เวลา 10:30 น.โดยประมาณ All New Toyota Hilux Revo ก็ถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการเรียบร้อย ถือเป็นการปิดตำนาน Vigo 11 ปีลงทันที!! ขอพูดถึงกระแสตอบรับจากชาวโซเชียลก่อน แน่นอนว่ากระบะค่ายนี้เป็นอีกรุ่นสำคัญที่ผู้คนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ แต่พวกเขาต้องพบกับความผิดหวังที่ว่า เอ้ย! นี่เปลี่ยนแล้วใช่ไหม? นี่นะรถที่อุตส่าห์รอมาตั้งหลายปี โอ้! พระเจ้ายอดมันจอร์ทมาก ฮ่าๆ ด้วยหน้าตาที่ไม่ได้เปลี่ยนแบบก้าวกระโดด มันจึงมีกลิ่นอายของ Vigo พอสมควร ซึ่งที่จริงผมและหลายๆคนพอจะเดาทางการดีไซต์ออกตั้งแต่มันออกมาวิ่งทดสอบตั้งแต่ช่วงแรกๆแล้วล่ะ และก็เคยสเก็ตช์ภาพออกมาด้วย แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ได้ถึงกับขี้เหร่อะไรขนาดนั้นหรอกนะ
หลายเสียงบอกว่า ดีไซต์นี่มันก็อปฟอร์ด เรนเจอร์ชัดๆเลย แต่ผมไม่อยากคิดอย่างนั้นก่อนที่จะเห็นตัวจริง ผมเดินทางไปชมตัวเป็นๆที่บูธโตโยต้านำมาจัดงานเปิดตัว ตัวที่จอดโชว์อยู่นั้นไม่มีตัวท็อปเลย เพราะเขาเอาไว้ให้ผู้ที่สนใจทดลองขับแทน และชายตาผมเหมือนเห็นอะไรสักอย่างสีน้ำเงินๆ อ๋อ Ford Ranger เอ้ย!! นี่มัน Revo ใหม่นี่หว่า?? เงิบสิครับ ได้แต่หัวเราะขำตัวเอง ฮ่าๆ เพราะครั้งแรกที่เรนเจอร์เปิดตัวเขาก็ใช้สีน้ำเงินในการโปรโมทเช่นเดียวกับ Revo ที่เอามาใช้เช่นกัน
ความรู้สึกที่ได้เห็นตัวจริง อืม!..มันก็ไม่เลวนะ ถึงจะไม่ได้ตื่นเต้นมากก็เถอะ จะสาธยายด้านหน้าที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นไฟหน้าแบบโปรเจ็กเตอร์ และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า เดย์ไลท์ๆนั่นแหละ และให้มาหลายเม็ดเป็นแถบยาวมาก แต่ความจริงก็คือถ้าอยากจะได้ไฟหล่อๆแบบนี้ คุณต้องควักเงินล้านซื้อรุ่นสี่ประตู 2.8 G ขึ้นไปเท่านั้น เพราะรุ่นต่ำลงมาจะได้แค่แบบฮาโลเจนและไฟ DRL ที่เป็นหลอดธรรมดา(เหมือนใน CX-5) แต่ก็ยังดีที่เขายังให้ระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติมาให้ทุกรุ่น กระจังหน้าแบบโครเมียมเงาและด้านผสมกัน และช่องรับอากาศขนาดใหญ่ทรงเหมือนปากคนกำลังเหวอหรือปากปลาบู่อะไรประมาณนั้น
ฝากระโปรงหน้าออกแบบใหม่ให้มีเส้นสายสอดรับกับมุมของกระจังหน้าและโอบไปปกคลุมถึงด้านข้างตัวรถ คราวนี้ก็เหลือเพียงอีซูซุ ดีแมกซ์เท่านั้นที่ฝากระโปรงหน้าไม่โอบข้างเหมือนชาวบ้านเขา และอีกอย่างที่คนถามหาบ่อยมากก็คือ จมูกมันหายไปไหนอ่า? ใช่แล้วครับ Revo จะไม่มีจมูกบริเวณฝากระโปรงอีกต่อไปเหตุเพราะได้ย้ายอินเตอร์ฯไปไว้ด้านหน้าแล้วจ้า. เส้นสายด้านข้างนั้นเน้นความบึกบึนที่มากกว่าวีโก้ชัดเจน โดยโป่งล้อเปลี่ยนจากพลาสติกแปะมาเป็นชิ้นเดียวกับตัวรถแล้ว ซึ่งในตัวยกสูงจะอวบกว่าตัวเตี้ยเหมือนหลายๆค่าย ยกเว้น Ranger และ BT-50 Pro ที่อวบเท่ากันทุกตัวถัง รวมถึง Triton ด้วยที่ยังใช้พลาสติกแปะอยู่ เส้นสายล่างบานประตูมาแบบตรงๆ แต่ใกล้ๆล้อหน้าจะงอๆขึ้นคล้าย BT-50 Pro นิดนึง ส่วนเส้นขอบกระจกบานหลังในรุ่นสี่ประตูจะเฉียงๆขึ้นและมีกระจกบานเล็กๆอยู่ สำหรับผมรู้สึกขัดใจนะเพราะน่าจะออกแบบมาให้สวยกว่านี้ ส่วนกระจกบานหลังก็ถูกขยายให้กว้างขึ้นกว่าเดิม
ในส่วนของกระบะมีการยกขอบให้สูงขึ้นและไฟท้ายมันก็ทรงเดิมกับ Vigo Champ เลยยยย! เพียงแต่เอามายืดดดให้ยาวใหญ่ขึ้น ส่วนการจัดเรียงตำแหน่งไฟก็ยังไม่ต่างกัน เห็นไฟท้ายแล้วนึกถึงคำโฆษณาเลย “ปฏิวัติทุกมิติ” แค่จับยืดออกนี่ก็ได้มิติใหม่แล้วใช่ไหม?? แต่เขาก็ยังหาสิ่งที่สามารถมาหักล้างกันจนได้อ่ะเน้าะ..ด้วยการให้ไฟตัดหมอกหลังทุกรุ่นย่อย ซึ่งจะแทนตำแหน่งของไฟถอยหลังฝั่งขวา ฉะนั้นเมื่อเข้าเกียร์ถอยไฟก็จะติดข้างซ้างข้างเดียว เมื่อขยับมาส่องมองฝากระบะท้ายก็ยังได้รับยศที่ติดมาจากคุณพ่อวีโก้ ฝั่งบนซ้ายจะติดเป็นสังกัด TOYOTA ฝั่งบนขวาจะติดยศตระกูล HILUX และขวาล่างจะบ่งบอกถึงตัวตนที่แท้จริง ไฮลักซ์ กาโว เอ้ย! Hilux REVO แต่สิ่งที่ต้องขอชมคือที่เปิดกระบะท้ายถูกซ่อนกล้องมองหลังไว้แบบเนียนสุดๆ ถ้าไม่ได้สังเกตเชื่อว่าไม่มีใครรู้แน่นอน และยังให้ไฟเบรคดวงที่ 3 แบบ LED มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น กันชนท้ายนั้นบอกเลยว่าดีไซต์ออกมาได้เหมือนของ D-Max Gold Series มาก เพียงแต่จะใหญ่กว่าเท่านั้น และถ้าเทียบกับของวีโก้แล้ว มันปีนเหยียบได้ง่ายกว่า เพราะตรงกลางจะเฉือนให้ต่ำลง ล้อแมกซ์ก็มีหลากหลาย ทั้งล้ออัลลอย 17 นิ้ว, ล้อกระทะ 17 นิ้วพร้อมฝาครอบ, ล้ออัลลอย 16 นิ้ว และล้อกระทะ 6 นิ้วพร้อมฝาครอบ.
โดยรวมแล้วถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากอย่างที่คาดการเอาไว้ จนติ่งโตโยต้าบางคนยังบอกว่าผิดหวัง แต่การออกแบบแบบ Keen Look ก็พอจะได้เห็นการผสมผสานที่คล้ายกับพี่น้องค่ายเดียวกันหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าที่เชื่อมต่อไปยังไฟหน้าจะคล้ายๆ Altis ทั้งยังมีระบบ Follow Me Home ซึ่งไฟหน้ารถยังจะติดอยู่สักพักถึงแม้จะดับเครื่องไปแล้ว โป่งล้อที่บวมออกมา(แต่ผมอยากให้เส้นสายมันชัดเจนกว่านี้) แอบคล้ายรุ่นพี่อย่าง Tundra บริเวณเสา B ในรุ่นสี่ประตูก็เป็นสีดำแล้ว และตัว Smart Cab บานกระจกแค็บก็คลุมไปถึงเสา B เหมือนค่ายอื่นเขาทำกัน รวมๆแล้วก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่า BT-50 Pro และ Ranger นะ แต่ด้วยความสดใหม่เมื่อออกมาวิ่งบนถนนมันก็เด่นไม่เบาเลยแหละ^^
บริเวณช่องระหว่างกระจกมองข้างกับตัวรถจะมีการทำครีบไว้แหวกอากาศ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของ Aerodynamics และช่วยให้เสียงปะทะของลมลดน้อยลง ทำให้รถเงียบขึ้นนั่นเอง
จุดยึดฝาท้ายได้เปลี่ยนจากลวดสลิงมาเป็นเป็นเหล็กพับ
รูฉีดน้ำล้างกระจกก็ถูกย้ายที่ เอามาซ่อนไว้ใต้ฝากระโปรง เนียนมากครับ คราวนี้ก็เหลือเพียง Ranger และ BT-50 Pro เท่านั้นที่ยังอยู่บนฝากระโปรง
เข้ามาดูภายในกันบ้างครับ ขอสมมุตินะ..ถ้ารีโวยังไม่เปิดตัว แล้วเราเห็นคอนโซลเนี่ย ใครๆก็ต้องคิดว่านี่มัน Altis ชัดๆเลยนี่หว่า ใช่แล้วครับเหมือนเอาของอัลติสมาตกแต่งให้เฟี้ยวฟ้าวขึ้นกว่าเดิม พวงมาลัยดีไซต์ใหม่ทรงสีเหลี่ยมมาเลย แต่ก้านด้านล่างจะตกแต่งสีเงินไว้ และสามารถปรับสูงต่ำได้ทุกรุ่น และปรับเข้าออกได้ (ยกเว้นรุ่นตอนเดียว แต่ตัวขับสี่ก็ปรับได้เช่นกัน) มาตรวัดนี่ไปปล้นมาจาก Camry แน่นอน แต่จะแตกต่างกันบ้าง มีจอแสดงผล MID แบบ 3 มิติ ในรุ่น G พร้อมเมนูภาษาไทยให้ด้วย มาตรวัดต่างๆใช้โทนสีฟ้าดูสวยงามดีครับ
ตัวแผงคอนโซลจะมีลักษณะนูนเพื่อเพิ่มมิติ และมีส่วนเว้าตรงบริเวณหัวเข้าช่วยในเรื่องของพื้นที่แต่ไม่หนีจากวีโก้เท่าไหร่ ช่องแอร์ด้านบนสองช่องพร้อมนาฬิกาบอกเวลาไว้ตรงกลาง ถัดลงมาเนี่ยจะเป็น..เป็น ใครเอา Tablet ติดกาวตราช้างมาแปะไว้เนี่ย?? ฮ่าๆ ทำง่ายมาก แต่ก็ดีนะที่มันจับต้องได้ถนัดไม่ต้องเอื้อมมาก เป็นจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมกับปุ่มควบคุมรอบๆจอแบบสัมผัสเช่นกันซึ่งจะสถิตอยู่ในรุ่น G ขึ้นไป ส่วนรุ่นต่ำลงมาจะได้เป็นวิทยุ CD/MP3 แต่ยังเป็นทรง Tablet เหมือนเดิมนะ ปุ่มควบคุมเปลี่ยนจากแบบสัมผัสมาเป็นแบบกดธรรมดา
หน้าตามาตรวัดในรุ่น G
หน้าตามาตรวัดในรุ่น E
ที่วางแก้วมีให้เยอะพอสมควร แต่เอกลักษณ์ของเขาจะอยู่บริเวณริมๆคอนโซลใกล้ๆช่องแอร์ทั้งสองข้างยังคงไว้ โดยเวลาใช้จะต้องกดเข้าไปให้มันเด้งออกมา ซึ่งในวีโก้เราจะสามารถดึงออกมาได้เลย…เอ้อ มีอีกส่วนนึง! ไม่ทราบว่า Revo เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ Vios หรือเปล่านะ เพราะบนคอนโซลจะมีการเดินตะเข็บไว้อย่างสวยงาม แต่ที่จริงมันเป็นตะเข็บหลอกๆ พลาสติกแข็งๆนั่นแหละครับ แผงประตูออกแบบมาได้ดีครับ ที่เปิดประตูจะมีการตกแต่งแถบสีเงินยาวเหมือนใน D-Max ปุ่มเลื่อนกระจกอยู่ในตำแหน่งที่พอเหมาะ แขนไม่ต้องกระพือปีกเหมือนของ Ranger และที่สำคัญในรุ่นสี่ประตู 2.8G ขึ้นไปจะสามารถปรับกระจกหน้าต่างไฟฟ้า Auto และระบบป้องกันการหนีบ Protection Jam ทั้ง 4 บานเลยทีเดียวครับ
จอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ในรุ่น G
วิทยุ CD/MP3 ในรุ่น E
เบาะนั่งด้านหน้านั่งสบายครับ ถ้ารองขายาวกว่านี้จะดีมาก (แต่ทรงเบาะเขาสวยๆเน้าะ^^) พื้นที่ด้านหลังกว้างขวางครับ เบาะหลังนั่งสบายกว่าวีโก้มากเพราะรองนั่งมันมีมุมเงยมากขึ้น แต่สั้นไปนิดนึง และพนักพิงหลังก็ชันไปนะ Triton ยังครองตรงนี้อยู่ Legroom มีมากพอสมควร แต่พื้นที่เหนือศีรษะจะเตี้ยกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
Hilux Revo เขายังให้ที่ยึดบริเวณเสา B แบบใน Navara เลย ช่วยยึดโหนในยามที่ขึ้นรถ และถ้าสังเกตดีๆใต้มือจับนั้นจะมีการเซาะร่องให้ยุบลงไปเป็นทางยาวตรงดิ่งลงพื้นเลย ผมไม่รู้ว่าใช้ทำอะไร แต่ถ้ามีเด็กตัวเล็กๆจะขึ้นไปนั่งเบาะหลังนะ ไอ้ร่องตรงนี้สามารถจับยึดได้เลยครับ ใช้งานได้จริง น่าจะออกแบบมาเพื่อสิ่งนี้แหละ อันนี้ขอชมเลย!!
หลังเบาะหน้าจะมีตะขอไว้ห้อยของด้วย
มีจุดยึดที่นั่งเด็กเพื่อความปลอดภัย
เบาะหลังมีที่พักแขนและมีที่วางแก้วอีกต่างหาก และสามารถพับได้แบบ 60:40
แอร์หลังมีการตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินสวยงามดีครับ สวยกว่า NP300 ด้วย
จุดนี้ยังแก้ไม่ตก ที่ไล่ฝ้ายังทำมาแบบอล่างฉ่างเช่นเดิม
เครื่องยนต์ดีเซล 2GD-FTV ขนาด 2.4 ลิตร ความจุ 2,393cc. 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC VN Turbo ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,000 รอบ/นาที ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตรที่ 1,400-2,800 รอบ/นาที
เพิ่มความเร้าใจขึ้นมาอีกด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 1GD-FTV ขนาด 2.8 ลิตร ความจุ 2,755cc. 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC VN Turbo ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตรที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด แรงบิด 420 นิวตัน-เมตรที่ 1,400-2,600 รอบ/นาที) แต่ในรุ่น Single Cab 2.8 J Plus กำลังจะลดลงเหลือเพียง 170 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตรที่ 1,200-3,400 รอบ/นาที
และเครื่องเบนซิน 2.7 ลิตร (เครื่องเดิม) 2TR-FE ขนาด 2.7 ลิตร ความจุ 2,694cc. 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 245 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่มีระบบ iMT ทำให้เข้าเกียร์ได้นิ่มนวลมากขึ้น รงมถึง Eco Mode และ Power Mode ตามความต้องการ ซึ่งระยะจะสั้นกว่าเดิมมาก พอๆกับไทรตัน ไม่ต้องโยกเป็นรถเมย์กันอีกต่อไป แต่ไม่สั้นเท่า BT-50 Pro และ Ranger และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ส่วนในรุ่นขับเคลื่อน 4 ก็เปลี่ยนมาเป็นสวิตช์ Shift-On-The-Fly แทนแบบเดิมพร้อมกับระบบล็อกเฟืองท้าย (Diff Lock) ในรุ่น 4WD
ระบบช่วงล่างใหม่ DCS (Dynamic Control Suspension) ซึ่งมีการพัฒนาให้แชสซีหนามากขึ้น แหนบมีความยาวมากขึ้น และช็คอัพใหญ่ขึ้นช่วยซับแรงได้เป็นอย่างดี ซึ่งดีกว่าวีโก้แน่นอน ส่วนระบบความปลอดภัยก็จัดมาให้พอสมควร ดังนี้
· ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) มีให้ทุกรุ่น
· ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) มีให้ทุกรุ่น
· ถุงลมนิรภัย 3 ตำแหน่ง (คู่หน้า และบริเวณเข่าคนขับ) มีให้ทุกรุ่น
· ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ในรุ่นสี่ประตู 2.8 Plus
· ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control) ในรุ่นสี่ประตู 2.8 G
· ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) ในรุ่นสี่ประตู 2.8 G
· ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC (Trailer Sway Control) ในรุ่นสี่ประตู 2.8 G
· ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-start assist control) ในรุ่นสี่ประตู 2.8 G
· ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC (Downhill Assist Control) ในรุ่นท็อป
· ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบแอคทีฟ A-TRC ในรุ่นท็อป
· ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งรอบคัน (คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่าน, และบริเวณเข่าคนขับ) ในรุ่นท็อป
· กล้องมองหลัง รุ่น Smart Cab 2.8G ขึ้นไป รุ่น Double Cab 2.4G ขึ้นไป
ราคา All New Toyota Hilux Revo ทั้งหมด 33 รุ่นย่อย
Toyota Hilux Revo รุ่น Standard Cab
2.4 J 569,000 บาท
2.7 J 569,000 บาท
2.4 J Plus ช่วงสั้น 585,000 บาท
2.8 J Plus 605,000 บาท
2.8 J ขับเคลื่อนสี่ล้อ 675,000 บาท
Toyota Hilux Revo รุ่น Smart Cab
2.4 J 619,000 บาท
2.4 J Plus 679,000 บาท
2.7 J Plus 679,000 บาท
2.4 E 709,000 บาท
2.4 G 815,000 บาท
2.4 J 619,000 บาท
2.4 J Plus 679,000 บาท
2.7 J Plus 679,000 บาท
2.4 E 709,000 บาท
2.4 G 815,000 บาท
2.4 J Plus Prerunner 729,000 บาท
2.4 E Prerunner 765,000 บาท
2.7 E Prerunner 765,000 บาท
2.4 E Prerunner A/T 815,000 บาท
2.4 E Prerunner Navi 815,000 บาท
2.8 G Prerunner Navi 859,000 บาท
2.4 G Prerunner A/T Navi 865,000 บาท
2.4 E ขับเคลื่อนสี่ล้อ 799,000 บาท
2.8 G ขับเคลื่อนสี่ล้อ Navi 899,000 บาท
Toyota Hilux Revo รุ่น Double Cab
2.4 J Plus 725,000 บาท
2.4 E 795,000 บาท
2.7 E 795,000 บาท
2.4 J Plus 725,000 บาท
2.4 E 795,000 บาท
2.7 E 795,000 บาท
2.4 J Plus Prerunner 809,000 บาท
2.4 E Prerunner 845,000 บาท
2.4 E Prerunner A/T 895,000 บาท
2.7 E Prerunner A/T 895,000 บาท
2.4 G Prerunner Navi 925,000 บาท
2.4 G Prerunner A/T Navi 969,000 บาท
2.4 G Plus Prerunner A/T Navi 1,009,000 บาท
2.8 G Prerunner A/T Navi 1,099,000 บาท
2.4 E ขับเคลื่อนสี่ล้อ 899,000 บาท
2.8 G ขับเคลื่อนสี่ล้อ Navi 1,069,000 บาท
2.8 G ขับเคลื่อนสี่ล้อ A/T Navi 1,139,000 บาท
ถือว่าโตโยต้าเตรียมการบ้านมาดีนะ กับสิ่งที่ให้มาค่อนข้างจะครบ แต่ในโลกนี้จะมีอะไรที่จะ Perfect ไปซะทุกอย่าง Options เจ้ากรรมก็ดั้นไปกระจุกอยู่ในตัวท็อป รุ่น G บ้างประปราย แถมเมื่อมามองราคาบวกเข้าไปอีกยิ่งดูเหมือนว่าแพงไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่ให้มาในแต่ละรุ่น ไฟโปรเจ็คเตอร์สวยๆต้องถือเงินล้านมาสู่ขอ ถ้าเทียบกับนาวาร่าที่ให้อ็อพชันมาดีจนสาวกโตโยต้ายังขัดใจ นั่นก็คงอยู่ที่ท่านๆแล้วล่ะว่าจะรับได้ไหม เรือนร่างที่สดใหม่แม้จะไม่โดดเด่นมากนัก แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่หรอก รวมถึงเครื่องยนต์และช่วงล่างที่ได้ยินว่าถ้าได้ขับแล้ว คุณจะลืมนิสัยของวีโก้ไปในทันทีเลย หลังจากที่ Vigo ครองใจคนไทยมานาน ยังไงๆ Revo ก็ต้องได้รับความนิยมไม่ต่างกันแน่นอน ด้วยชื่อชั้นโตโยต้าที่เด่นเรื่องการบริการหลังการขาย อะไหล่ที่หาง่าย ราคาขายต่อดี นี่อาจจะเป็นเหตุผลส่วนใหญ่ที่คนไทยส่วนหนึ่งตัดสินใจซื้อ และนี่ก็คือทั้งหมดของ First Emotion Toyota Hilux Revo "ปฏิวัติทุกมิติ แห่งกระบะอนาคต”!!
ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่ : https://www.facebook.com/pages/MZ-Crazy-Cars/1410003339233043?ref=hl
******************************************************************************************
ขอให้ยอดสูงกว่าวีโก้ทีเถิด RIP
ตอบลบรอดูยอดขายเดือนนี้ครับว่าจะเป็นยังไง^^
ลบขอให้ยอดสูงกว่าวีโก้ทีเถิด RIP
ตอบลบ