ช่วงแรกจะเป็นการเทียบตัว Top ของทั้งสองรุ่นก่อน..เรามาเริ่มกันที่รูปลักษณ์ภายนอกกันดีกว่า ทรวดทรงองค์เอวของ MG3 นั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย สบายตา ด้านหน้าโดดเด่นด้วยไฟหน้า และไฟ DRL ที่เห็นชัดเจนในตอนกลางวัน แต่ไม่มีไฟตัดหมอกมาให้ ด้านข้างจะเห็นที่เปิดประตูที่แอบจะโบราณไปนิด ไฟท้ายใหญ่ที่เป็นแนวตรงมองเห็นได้ชัดเจนดีครับ ปิดท้ายด้วยปลายท่อไอเสียสแตนเลสทรงสี่เหลี่ยมทำให้ดูสปอร์ตขึ้น โดยรวมก็ถือว่าสวยงามนะ ถึงจะเรียบๆแต่ก็ดูไม่จืดชืด แถมยังสามารถเปลี่ยนลายหลังคาและกระจกมองข้างได้อีกด้วย
ส่วน Mazda 2 Hatchback นั้นคงจะคุ้นหูคุ้นตากันไปแล้วจากตัวดีเซล ซึ่งก็แทบไม่มีอะไรต่างกัน กระจังหน้าโครเมียม ไฟหน้าแบบฮาโลเจนธรรมดา ไม่มีไฟ DRL แต่มีไฟตัดหมอกให้ในรุ่นท็อป เส้นสายด้านข้างนั้นจะมีความพริ้วไหวและดูสปอร์ตอย่างชัดเจน และมีสปอยเลอร์หลังมาให้ โดยรวมเป็นรถที่ให้อารมณ์สปอร์ตจ๋ามาเลย ตัวรถดูกระทัดรัดกว่า MG3 แต่นั่นจะส่งผลถึงพื้นที่ภายในห้องโดยสารหรือเปล่า เดี๋ยวรู้กันครับ^^
สัดส่วนของ MG3 จะกว้างและสูงกว่า Mazda 2 แต่สั้นกว่าอยู่ 42 มม. และหนักกว่าถึง 196 กก.เลยทีเดียว
อุปกรณ์ภายนอกในรุ่นท็อปของทั้งสองถือว่าสูสีกันมาก โดย MG3 จะเด่นกว่า Mazda 2 ตรงที่มีไฟ DRL ไฟหน้าเปิด/ปิดอัตโนมัติ และที่ปัดน้ำฝนเปิด/ปิดอัตโนมัติ ในขณะเดียวกัน Mazda 2 ก็จะเด่ดกว่าด้วยการใส่ไฟตัดหมอกมาให้ รวมถึงสปอยเลอร์หลัง และกระจกกรองแสงรอบคัน...ส่วนล้ออัลลอยทั้งสองให้มาเท่ากันที่ 15 นิ้ว..
มาถึงภายในห้องโดยสารกันบ้าง ทาง MG3 จะมีการออกแบบที่สอดคล้องกับภายนอกคือเรียบง่ายสบายตา พวงมาลัยทรงแปลกสามก้าน คอนโซลใช้วัสดุเป็นพลาสติกแข็ง ช่องแอร์ ชุดเครื่องเสียง และควบควบคุมต่างๆจะออกแบบเป็นทรงรีแนวนอนเรียงกัน ตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ อาจจะสับสนเล็กน้อยเนื่องจากเป็นรถสไตล์ยุโรป เบาะหนังด้านหน้าให้ความสบายดีครับ แต่ไม่ค่อยกระชับเท่าไหร่ ส่วน Mazda 2 จะมาในแนวสปอร์ต มาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล มีจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว แผงคอนโซลมีแถวคาดกลางที่ใช้วัสดุนุ่ม ช่วยเพิ่มความหรูหราไปในตัว โดยรวมจะดูเรียบหรู เบาะหนังด้านหน้ากระชับมากกว่า พนักพิงศีรษะดันกว่า ช่องประตูหลังรู้สึกจะแคบกว่า MG3 นิดๆ พื้นที่ด้านหลังไม่ว่าจะเป็นพื้นที่วางขา เหนือศีรษะ MG3 จะทำได้ดีกว่า ในส่วนของเบาะหลัง MG3 จะยาวกว่า Mazda 2 นิดๆ แต่ Mazda 2 จะมีมุมเงยมากกว่า และพนักพิงหลังก็ชันกว่า
อุปกรณ์ภายในนั้น Mazda 2 อย่างที่บอกว่าบริเวณคอนโซลจะมีแถบที่ใช้วัสดุนุ่บหุ้มหลังเดินด้านสี
แดง มีปุ่มสตาร์ทมาให้ พร้อมสวิตซ์ Drive Selection เพิ่มอารมณ์ในการขับขี่ ส่วน MG3 นั้นไม่มีอะไรแพรวพราว แต่ลงทุนใส่หลังซันรูฟมาให้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นรถที่มีซันรูฟในราคาที่ถูกที่สุด
ระบบความบันเทิง Mazda 2 จะดูดีกว่าด้วยหน้าจอแสดงผลแบบทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ทั้งยังมีระบบจดจำเสียง, ช่องใส่ SC Card สำหรับระบบนำทาง Navigator
มาถึงภายในห้องโดยสารกันบ้าง ทาง MG3 จะมีการออกแบบที่สอดคล้องกับภายนอกคือเรียบง่ายสบายตา พวงมาลัยทรงแปลกสามก้าน คอนโซลใช้วัสดุเป็นพลาสติกแข็ง ช่องแอร์ ชุดเครื่องเสียง และควบควบคุมต่างๆจะออกแบบเป็นทรงรีแนวนอนเรียงกัน ตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ อาจจะสับสนเล็กน้อยเนื่องจากเป็นรถสไตล์ยุโรป เบาะหนังด้านหน้าให้ความสบายดีครับ แต่ไม่ค่อยกระชับเท่าไหร่ ส่วน Mazda 2 จะมาในแนวสปอร์ต มาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล มีจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว แผงคอนโซลมีแถวคาดกลางที่ใช้วัสดุนุ่ม ช่วยเพิ่มความหรูหราไปในตัว โดยรวมจะดูเรียบหรู เบาะหนังด้านหน้ากระชับมากกว่า พนักพิงศีรษะดันกว่า ช่องประตูหลังรู้สึกจะแคบกว่า MG3 นิดๆ พื้นที่ด้านหลังไม่ว่าจะเป็นพื้นที่วางขา เหนือศีรษะ MG3 จะทำได้ดีกว่า ในส่วนของเบาะหลัง MG3 จะยาวกว่า Mazda 2 นิดๆ แต่ Mazda 2 จะมีมุมเงยมากกว่า และพนักพิงหลังก็ชันกว่า
อุปกรณ์ภายในนั้น Mazda 2 อย่างที่บอกว่าบริเวณคอนโซลจะมีแถบที่ใช้วัสดุนุ่บหุ้มหลังเดินด้านสี
แดง มีปุ่มสตาร์ทมาให้ พร้อมสวิตซ์ Drive Selection เพิ่มอารมณ์ในการขับขี่ ส่วน MG3 นั้นไม่มีอะไรแพรวพราว แต่ลงทุนใส่หลังซันรูฟมาให้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นรถที่มีซันรูฟในราคาที่ถูกที่สุด
ระบบความบันเทิง Mazda 2 จะดูดีกว่าด้วยหน้าจอแสดงผลแบบทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ทั้งยังมีระบบจดจำเสียง, ช่องใส่ SC Card สำหรับระบบนำทาง Navigator
MG3 จะมีขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ซึ่งจะมีแรงม้าและแรงบิดมากกว่าเครื่อง 1.3 ลิตรของ Mazda 2 ถังน้ำมันจุมากกว่าถึง 10 ลิตร แต่รัศมีวงเลี้ยวก็กว้างกว่า Mazda 2
ระบบความปลอดภัยจะบอกว่า "สูสีมากกกก" ดูจากตารางที่จะต่างกันคือ MG3 จะให้ระบบเสริมแรงเบรค BA, ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC, ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน MSR และสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ส่วน Mazda 2 ก็จะสวนกลับด้วย ะบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS, เข็มขัดนิรภัยคนขับ ปรับระดับได้ และเข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง
มาถึงหัวข้อการทดสอบการชนกันบ้าง Mazda 2 ใหม่ยังไม่มีการทดสอบ ดังนั้นไปดูของ MG3 กันก่อนครับ
เป็นการทดสอบใน Euro Ncap ซึ่งมีระบบความปลอดภัยค่อนข้างใกล้เคียงกับบ้านเรา ฉะนั้นเวอร์ชั่นไทยคะแนนน่าจะใกล้เคียงกัน ซึ่งคะแนนสำหรับการปกป้องผู้ใหญ่ด้านหน้าได้ไป 69% การป้องกันเด็กได้ 71% การปกป้องคนเดินเท้าได้ 59% และระบบความปลอดภัยในรถได้ไปเพียง 38% เท่านั้น
ราคา MG3 Hatchback ได้แก่
รุ่น C ราคา 479,000 บาท
รุ่น D ราคา 509,000 บาท
รุ่น X SUNROOF ราคา 559,000 บาท
ราคา Mazda 2 Hatchback ได้แก่
Mazda 2 Sports Standard ราคา 550,000 บาทMazda 2 Sports High ราคา 610,000 บาท
Mazda 2 Sports High Plus ราคา 665,000 บาท
สรุปเลยละกัน...รถทั้ง 2 คันนี้ต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีดีมีเสียต่างกันไป MG3 เป็นน้องใหม่ที่มาถูกทาง คือมีออพชันที่ดูจะสมเหตุสมผล มีการให้ระบบความปลอดภัยที่เต็มเหนี่ยว มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง แต่หลายคนกำลังห่วงเรื่องศูนย์ที่ยังไม่ครอบคลุม(แต่กำลังขยาย) การบริการหลังขายจะเป็นอย่างไร ค่าอะไหร่จะแพงไหม นี่เป็นสิ่งที่จะต้องใช้เวลาเป็นตัวพิสูจน์...ส่วน Mazda 2 นั้นเรียกได้ว่าขายดีไซต์ก็คงจะไม่ผิด เพราะหลายคนหลงในเส้นสายของเขา รวมไปถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีต่างๆ ถึงภายในจะคับแคบไปหน่อยแต่ก็ให้อารมณ์สปอร์ตหรู และด้วยชื่อชั้นที่คุ้นหูและดูจะเชื่อมั่นมากกว่า จึงเป็นอีกจุดขายของ Mazda 2 คันนี้ ยังไงก็ต้องหาเวลาไปลองขับกันดูนะครับ เพราะสมัยนี้จะมาตัดสินความแรงกันแค่ตัวเลขแรงม้าไม่ได้แล้ว...!!
ตารางเปรียบเทียบในรุ่นเริ่มต้น
*********************************************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น