วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

First Challenge : All-New Mitsubishi Triton พร้อมจะไป "เปลี่ยน..ทุกความเชื่อ" หรือยัง??

ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน...ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ ก็คนเรามันไม่มีอะไรที่จะสามารถไปกำหนดกฎเกณฑ์ได้ซะทุกอย่าง สิ่งที่คุณกำลังคิดมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ก็ได้ บอกตรงๆเลยว่าผมคนหนึ่งล่ะที่เป็นแบบนั้น คุณจะสามารถคล้อยไปตามอารมณ์ของผมได้ ถ้าหากคุณลองนึกภาพตามว่า มีต้นไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งให้ดอกที่สวยงามที่สุดในสวน และพอเวลาผ่านไปดอกไม้ที่ว่าสวยๆงามๆนั้น สุดท้ายก็ต้องมีจุดที่เหี่ยวเฉาลงไปในที่สุด ก่อนที่จะมีการผลัดดอกใหม่ขึ้นมา ซึ่งถือเป็นเรื่องของธรรมชาติ คุณอาจจะกำลังงงว่าผมพูดถึงเรื่องอะไร ที่ผมจะสื่อก็คือว่า ดอกไม้นั้นมันก็เปรียบเสมือนรถยนต์คันหนึ่ง ซึ่งเมื่อออกมาทำตลาดได้สักพักจนครบวาระแล้วก็จะต้องมีการเปลี่ยนโฉมใหม่ให้ดูดีและไฉไลมากกว่าเดิม โดยสามารถเห็นได้ทั่วไปตามช่วงเวลาของรถรุ่นนั้นๆ ถ้าคุณเป็นคนที่สนใจเรื่องรถ ผมว่าคุณคงมีความรู้ในเรื่องนี้อยู่แล้วล่ะ คราวนี้หวยไปออกกับรถกระบะ All-New Mitsubishi Triton เป็นรุ่นใหม่หมด ใหม่หมดจริงๆนะ!!


ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่า ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่ชอบรถกระบะมากๆๆ มากถึงมากที่สุด ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจนะถ้าจะเห็นเพจ MZ Crazy Cars ของผมเน้นรถกลุ่มนี้เป็นพิเศษ แต่ก็จะนำเสนอรถได้ทุกกลุ่มให้ครอบคลุมมากที่สุด ดังนั้นเมื่อมีรถรุ่นไหนก็ตามที่จะเปิดตัวใหม่ ผมจะตื่นเต้นทุกที และจะคาดหวังกับรถคันนั้นๆไปต่างนานา เชื่อว่าหลายคนคงจะเป็นเหมือนกัน เมื่อMitsubishi Triton ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนโฉมใหม่ จึงเป็นรถอีกหนึ่งคันที่ถูกจับตามองมากที่สุด!!

มันเป็นธรรมเนียมหรืออะไรก็ไม่รู้นะ พอเวลารถยนต์รุ่นใดรุ่นหนึ่งที่กำลังจ่อคิวลงสนามแข่ง มักจะมีภาพหลุดจากในโรงงานออกมาให้ดูกันบ่อยๆ อย่างกรณีของ All-New Nissan NP300 Navara ซึ่งเหลืออีกไม่กี่วันแท้ๆก็จะคลอดแล้ว แต่ดั้นมีมือดีไปแอบถ่ายกระบะคันงามจนแพร่กระจายไปในโลกโซเชียลอย่างรวดเร็ว ผลก็คือชาวโลกได้เห็นภาพ แต่คนถ่ายถูกไล่ออก สุดท้าย All-New Mitsubishi Triton ก็ไม่รอดครับ มีภาพหลุดออกมาเช่นกัน ก่อนหน้านี้ใครจำได้มั่งว่ามิตซูบิชิก็ได้เผยรถกระบะ GR-HEV Concept ซึ่งมันโคตรล้ำอวกาศเลย แต่พอกลับมาดูภาพที่หลุดออกมาเท่านั้นแหละ อื้อหือออ!!....เสียงวิพากษ์ วิจารณ์ในแง่ลบดังสนั่นไปทั่วโลกโซเชียลโดยทันที และผมก็คนหนึ่งล่ะที่รับไม่ได้กับหน้าตาแบบนี้ จนเข้าใจผิดไปว่ามันไม่ใช่รุ่นโมเดลเชนจ์หรอก คงเป็นแค่บิ๊กไม่เนอร์เชนจ์เฉยๆกระมัง!!



พอเวลาผ่านไปสักพักก็มีหลุดออกมาอีกทั้งด้านหน้ารถ รวมไปถึงแผงคอนโซล และแผงข้างประตู ซึ่งก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่า นั่นแหละคือ All-New Mitsubishi Triton ตัวจริง!! ทางมิตซูบิชิเลยออกมาประกาศว่า “ฉันจะเปิดตัวไทรตันใหม่ในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้แล้วนะ” เช้าวันเปิดตัวมาถึง ไทรตันจะเปิดตัวช่วงเช้าก่อนที่ช่วงบ่ายจะเป็นคิวของ All-New Nissan X-Trail ซึ่งเผยโฉมในวันเดียวกันซะงั้น แต่มิตซูฯ มอเตอร์ ประเทศไทยก็แอบทำเซอร์ไพรส์ด้วยการโปรโมทไทรตันลงในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์แบบเต็มๆ 2 แผ่นใหญ่ส่งไปทั่วประเทศตั้งแต่แสงสุริยะยังหลับใหลอยู่เลย ก่อนหน้านี้ที่หลายคนได้เห็นภาพหลุดก็ต่างชม ต่างด่ากันไป แต่พอเห็นตัวจริงปุ้บ...เออ..มันก็สวยดีอยู่นะ แต่อีกส่วนก็ยังคงร้องยี้เช่นเดิม โดยเฉพาะกระจังหน้าโครเมียมมันชั่งมีสง่าราศีไปทางรถจีนซะเหลือเกิน

9 วันนับจาก Mitsubishi Triton เปิดตัว ก็ได้มีโอกาสได้เห็นตัวเป็นๆหลังจากที่ผมและเพื่อนๆซ้อมดนตรีเสร็จ เลยแวะเข้าไปในโชว์รูมมันซะเลย!!  เปิดประตูเข้าไปมีพนักงานสาวสวยเข้ามาต้อนรับเป็นอย่างดี แต่สายตานั้นกลับจับจ้องไปหา Triton ใหม่แบบแทบไม่กระพริบตา อยากจะบอกความรู้สึกแรกเหลือเกินว่าวินาทีที่เห็นเจ้า The Huge ยักษ์เขียวที่จอดอยู่กลางโชว์รูม...เฮ้ย!! มันดูดีกว่าที่คิดว่ะ (ถึงหน้าตามันจะไม่โดนก็เถอะ!!) รูปลักษณ์ภายนอกสิ่งแรกที่คุณจะสะดุดตาที่สุดคือ กระจังหน้าโครเมียมที่บ้างก็ว่าสวย บ้างก็ว่าไม่สวยเอาซะเลย ซึ่งมันจะมีซี่แนวตั้งดิ่งเรียงต่อๆกันจึงเกิดเป็นมิติที่สวยงาม แต่หารู้ไม่ว่า ไอ้โครเมียมที่ว่าเด่นๆ มันไปกลบโลโก้เพชรสามเม็ดที่มันควรจะเด่นที่สุดลงไปอย่างซีดสนิท ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ทำให้ดูได้หลายมิติ พร้อมไฟโปรเจ็กเตอร์ และไฟ DRL แบบ LEDในโคมอย่างสวยงาม นั่นก็ถือว่าเป็นอีกมาตรฐานใหม่ของรถกระบะไปแล้วที่ทุกคันจะต้องมีไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daylight Running Time) ช่องรับลมด้านล่างเป็นแนวยาวพร้อมไฟตัดหมอกและกรอบสีบรอนด์




สิ่งที่เห็นได้ชัดต่างจากตัวเก่าคือเส้นสายที่พลิ้ว และสวยงามขึ้นเยอะมาก เส้นสายใต้ขอบกระจกเป็นเหลี่ยมสันที่ดูแข็งแรงจนทำให้นึกถึงรถกระบะในอดีตที่คนไทยเรียกติดปากว่า ดัสสัน รุ่นช้างเหยียบ ไทรตันใหม่ยังให้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว (ในรุ่นดับเบิลแค็ปพลัส GLX และดับเบิลแค็ป 4X4 GLS จะได้ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว) คิ้วซุ้มล้อยังทำเป็นพลาสติกแปะไว้เหมือนกระบะยุคก่อน โดยไม่แคร์กระแสเพื่อนฝูงเลยแม้แต่น้อย ส่วนต่อของหัวเก๋งกับกระบะยังจะเป็นทรง J-Line คล้ายเดิม แต่ลดความโค้งลงหน่อยๆทำให้ดูลงตัวขึ้น ไฟท้ายดีไซต์ใหม่ทรงแปลกตา เหมือนเลือดกำเดากำลังไหล พอเห็นของจริงมันสวยมากๆเลยล่ะ ฝาท้ายเส้นสายยังแอบคล้ายของเดิม มียศติดไว้ 2 มุม พร้อมติดโลโก้ MIVEC Clean Diesel บ่งบอกถึงหัวใจใหม่อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กล้องมองหลังวางไว้ใกล้ๆกับที่เปิดฝาท้ายพร้อมกันชนแบบใหม่ ซึ่งกันชนจะเป็นพลาสติกคุณภาพดีทั้งชิ้น แต่ด้านในจะมีแผ่นเหล็กยึดดามไว้อีกที โดยรวมถือว่าเอาความสดใหม่เข้าแลกหมัดกับเพื่อนๆได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ตัวจริงจะมีจุดที่ขัดหูขัดตาไปบ้าง ในทัศนะของผมรถมีความสูงโปร่ง ดูกำยำแต่ยังพลิ้วไหวอยู่ในตัวสวยมากครับ แต่แนะนำให้ไปศัลยกรรมใบหน้าให้ออกมาหล่อกว่านี้เถอะ (มิติรถยาว x กว้าง x สูง :5,280 x 1,815 x 1,780 มม.  ฐานล้อยาว 3,000 มม. กระบะยาว กว้าง สูง :1,520 x 1,470 x 475 มม.)

เอื้อมมือไปเปิดประตูฝั่งคนขับออกมา สิ่งหนึ่งที่คุณจะเห็นคือมือจับบริเวณเสา ที่ให้มาทั้ง 2 ฝั่งซ้ายขวาดีมาก องศาของการเปิดประตูหน้ากว้างมากๆ เข้าออกได้สะดวก ส่วนบานหลังก็เปิดออกมาได้พอประมาณ แต่ไม่กว้างเท่าตัวก่อน ส่วนหนึ่งมาจากบานประตูที่เล็กลงนั่นเอง ขยับตัวขึ้นไปนั่งบนเบาะปุ้บ!! กวาดสายตาไปทั่วคอนโซล อืมมม!!....มันดูดีกว่าเดิมแฮะ พวงมาลัยนี่มันชุดเดียวกันกับมิราจเลยนี่หว่า ถือแม้จะได้มาจากเก๋งน้องเล็กแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ดูหรูหราเท่าที่ควร (เหมือนเอาของถูกมาใส่ให้ยังไงไม่รู้..อยากให้ดีไซต์ใหม่ให้สวยกว่านี้ไปเลย) มองลอดไปจะเห็นมาตรวัดสองวงใหญ่อ่านง่ายมากครับ แต่ไม่ค่อยมีลูกเล่นอะไรเท่าไหร่ เพราะถ้าเทียบกับ All-New Nissan Navara ใหม่ที่พึ่งเปิดตัวไปไม่นาน เขาทำได้ดี และสวยงามกว่าขัดเจน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้างคอพวงมาลัยฝั่งขวาจะเป็นปุ่มสวิตซ์ต่างๆ รวมไปถึงปุ่ม Push Start ด้วย ซึ่งเป็นอีกสิ่งที่รถกระบะเริ่มจะนิยมกันแล้ว แต่ส่วนมากไม่ว่าจะเป็นรถเก๋งหรือกระบะจะมีปุ่มสตาร์ทไว้ฝั่งซ้าย หลายคนก็บ่นเหมือนกันนะว่าลูกเด็กเล็กแดงชอบเอามือไปกดๆจิ้มๆเล่น พอคันนี้อยู่ฝั่งขวามือก็ถือเป็นการป้องกันได้อีกทางหนึ่ง แถมยังเป็นฝั่งที่ผมคิดว่ามันเหมาะสมแล้วล่ะ



บริเวณชุดเครื่องเสียงมีจอแสดงผลสัมผัสขนาด 7 นิ้ว สามารถเล่น CD MP3 ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)ระบบนำทางในรถ (Navigator System) และช่อง USB สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ติดตั้งระบบควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) มาตรวัดแบบ Combination meter สามารถปรับแสงสว่างหน้าปัดได้ระดับ แอร์อัตโนมัติแยกซ้ายขวา เกียร์ออโต 5 สปีดพร้อมสปอร์ตโหมด เกียร์ธรรมดา 6 สปีด รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ 4X4 ที่ปรับระบบขับเคลื่อนจะเป็นแบบมือหมุน Ship On The Fly หน้าตาคล้ายๆของดีแมกซ์ โดยรวม Interior และค็อกพิทของคนขับทำได้ดีครับ วัสดุต่างๆดีกว่าเก่าเยอะ รวมไปถึงแผงข้างประตูด้วยที่มีการออกแบบใหม่ให้สวยงามและใช้ประโยชน์ได้ดีมากขึ้น ไทรตันใหม่ ไม่มีแอร์ตอนหลังนะครับ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นมากมายอะไรนัก เบาะนั่ง ผมเป็นคนสูง 178 ซม. ตัวไม่หนา นั่งเบาะคนขับแล้วนุ่มดีแต่เท่าที่จับความรู้สึก NP300 Navara จะนุ่มกว่านิดๆ เบาะรองนั่งยาวนั่งสบายมาก ตัวเบาะรองรับแผ่นหลังเยี่ยมพนักพิงศีรษะไม่ดันกบาลด้วย ส่วนเบาะนั่งด้านหลังหลังจากที่ไปนั่งรอบแรก แต่ยังจับความรู้สึกไม่ได้เท่าที่ควร ผมเลยต้องเดินทางไปโชว์รูมเป็นรอบที่ 2 ลองจัดท่านั่งดูดีๆแล้ว ความรู้สึกที่ได้คือมันนั่งสบายมากๆ มากจริงๆ ส่วนหนึ่งคงเป็นผลมาจากพนักพิงที่มันเอนกว่าชาวบ้านเขา เบาะรองนั่งยาวและมีมุมเงยทำให้รับกับช่วงขา และสรีระได้เป็นอย่างดี แถมเบาะยังมีที่วางแขนพร้อมที่วางขวดน้ำมาให้ด้วยนะ ตอนนี้เบาะหลังที่นั่งแล้วมีความสุขที่สุด ผมขอยกให้ 2 คันนี้ครับ 1.All-New Mitsubishi Triton 2.Isuzu D-Max





- เครื่องยนต์ใหม่ แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว MIVEC วีจีเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 2,442 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที

- รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ดีเซล เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 128 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-3,500 รอบ/นาที
- ในรุ่นซิงเกิ้ลแค็บขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ 2.5 วีจีเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 178 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 400นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที

- เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร 128 แรงม้า ที่ 5,250 รอบ/นาที แรงบิด 194 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที 

Mitsubishi Triton ทุกรุ่นมาพร้อมโครงสร้างตัวถังนิรภัย RISE Body พร้อมการออกแบบโครงสร้างส่วนหน้า ทั้งยังได้ติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ SRS ทุกรุ่น ช่วยป้องกันแรงกระแทกทางด้านหน้าโดยทำงานร่วมกันกับระบบเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติช่วยปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารระบบ ES4 (Easy Select 4 WD )  


ระบบความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้นด้วยการเสริมระบบต่างๆ ดังนี้

ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASTC (Active Stability & Traction Control) ASC ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวในสภาวะที่รถเสียสมดุลเพื่อป้องกันการลื่นไถลออกนอกเส้นทาง และ ATC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถลช่วยควบคุมการหมุนของล้อทั้ง 4 ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist) เพื่อป้องกันการลื่นไหลในกรณีที่ต้องเบรกรถบนทางชันและต้องออกตัวอีกครั้ง ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake-Assist) ช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกเมื่อเหยียบเบรกกะทันหันช่วยให้การหยุดรถเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น ระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD)  

All-New Mitsubishi Triton ใหม่นี้ ถือว่าเป็นรถกระบะที่เปลี่ยนทุกความเชื่อในหลายๆเรื่องจริงๆ เรื่องของการออกแบบมิตซูบิชิก็ออกมาบอกว่า ไทรตันตัวใหม่นี้จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ GR-HEV Concept แต่อย่างใด แต่ผมไม่เชื่อ เพราะมีส่วนที่คล้ายกันค่อนข้างชัดเจนในหลายๆจุด เดี๋ยวผมจะแนบภาพไว้ให้ดูด้านล่าง และยังบอกอีกว่าไทรตันและปาเจโร สปอร์ตใหม่ ถือว่าเป็นรถความหวังของ Mitsubishi ที่จะต่อลมหายใจให้ได้เฮือกใหญ่ๆ ก็ต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า อย่างไรก็ตาม “ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน” ตั้งแต่วันเปิดตัวจนถึงบัดเดี๋ยวนี้ ผมชักจะเป็นมิตรกับหน้าตาของมันแล้วสิ มองไปนานๆมันก็สวยในแบบที่เขาเป็นนะ (แปลกดีเน้าะ) แต่กลุ่มเป้าหมายหลักๆที่มิตซูฯตั้งไว้ คือเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีช่วงอายุ 30-40 ปี พร้อมยังได้พรีเซ็นเตอร์คนใหม่อย่างพี่ติ้ก เจษฎาภรณ์ ผลดี ซึ่งในอดีตพี่ติ้กก็เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับนิสสัน นาวารา รุ่นแรกซะด้วยสิ คราวนี้ก็ต้องดูกันไปยาวๆว่าจะผลดีจริงหรือเปล่า^^


Mitsubishi Triton โฉมใหม่ มีทั้งหมด ตัวถัง ได้แก่ 
1.รุ่นดับเบิ้ลแค็บ (Double Cab)
2. รุ่นเมกะแค็บ (Mega Cab)
3. รุ่นซิงเกิ้ลแค็บ (Single Cab)

Triton 2015  มีสีตัวถังให้เลือกถึง มี สี 
1. สีเขียว Earth Green (สีใหม่)
2. สีเงิน Sterling Silver (สีใหม่)
3. สีขาว Solid White
4. สีขาวมุก White Pearl
5. สีเทาดำ Titanium Gray
6. สีดำ Pyreness Black
7. สีน้ำตาล Quartz Brown 

ราคาจำหน่าย All-New Mitsubishi Triton 2014-2015 ไทรทัน โฉมใหม่ อย่างเป็นทางการ ทั้ง รุ่นย่อย

1. Triton Double Cab Plus  รุ่น GLS 2.4L Gasoline 5MT ราคา 791,000 บาท
2. Triton Double Cab Plus  รุ่น GLX MIVEC 2.4L Diesel 6MT ราคา 791,000 บาท
3. Triton Double Cab Plus  รุ่น GLS MIVEC 2.4L Diesel 6MT ราคา 838,000 บาท
4. Triton Double Cab Plus  รุ่น GLS MIVEC 2.4L Diesel 5AT ราคา 882,000 บาท
5. Triton Double Cab Plus  รุ่น GLS MIVEC 2.4L Navi Diesel 6MT ราคา 881,000 บาท
6. Triton Double Cab Plus  รุ่น GLS MIVEC 2.4L Navi Diesel 5AT ราคา 925,000 บาท

7. Triton Double Cab Plus  รุ่น GLS MIVEC 2.4L 4x4 Diesel 6MT ราคา 837,000 บาท
8. Triton Double Cab Plus  รุ่น GLS MIVEC 2.4L LTD 4x4 Diesel 6MT ราคา 950,000 บาท
9. Triton Double Cab Plus  รุ่น GLS MIVEC 2.4L LTD 4x4 Diesel 5AT ราคา 1,008,000 บาท

*โดยในช่วงแรกจะประกาศราคาและจำหน่ายในรุ่น Double Cab Plus และ Double Cab 4x4 ก่อน ส่วนในรุ่นตัวถัง Mega Cab PLUSและ Single Cab จะจำหน่ายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป
















****************************************************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น