เฉกเช่นเดียวกันกับวงการยานยนต์ ซึ่งกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาก็มีรถยนต์เปิดตัวหลากสไตล์ถึง 4 คันรวดในเวลาไล่เลี่ยกัน ประกอบด้วย Honda HR-V ,Mitsubishi Triton ,Nissan X-Trail และ All-New Mazda 2 ซึ่งรถทั้งหมดนี้ ชาวไทยให้ความสนใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว..!!
วันนี้เป็นคิวของรถ Crossover ใหม่จากค่ายฮอนด้าที่เข้ามาทำตาด หวังกระตุ้นยอดขาย และสร้างกำไรให้กับบริษัท หลังจากที่ปัจจุบันตลาดรถยนต์บ้านเราซบเซาลงกว่าปีที่แล้ว เพราะวิกฤติและปัญหาหลายๆด้านที่รถยนต์ทุกค่ายต่างก็ประสบกับชะตาเดียวกัน
All-New Honda HR-V ใหม่นี้ จะมีความน่าสนใจ และข้อมูลอะไรบ้าง เราจะมาวิเคราะห์ ติชม นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป
ชื่อรุ่น HR-V หลายคนอาจจะยังไม่ทราบและคาดไม่ถึงว่า Honda จะนำชื่อนี้มาใช้กับรถ Crossover ของตน หลังจากที่เปิดตัวในญี่ปุ่นโดยใช้ชื่อว่า Vezel แต่นั่นก็สงวนไว้สำหรับตลาดบ้านเกิดเท่านั้น และแน่นอนในหลายประเทศก็จะใช้ชื่อ HR-V ไปทั่วโลกเหมือนกัน...HR-V ไม่ใช่ชื่อใหม่อย่างที่หลายคนพึ่งจะเคยได้ยิน เพราะเมื่อย้อนกลับไป ฮอนด้าก็เคยนำชื่อนี้ไปใช้กับรถยนต์ของตนเองเมื่อปี 1998 ก่อนที่จะนำกลับมาใช้ในรถยนต์ใหม่คันนี้อีกครั้ง
ยูเทิร์นเลี้ยวกลับมาสู่รถคันนี้ดีกว่าว่าจะมีอะไรเจ๋งๆพอที่จะทำให้เราประทับใจได้หรือเปล่า////อ้อ!!...เกือบลืมไปครับว่า เจ้า HR-V แท้ที่จริงมันเป็นรถในพิกัดระหว่าง B-Segment กับ C-Segment SUV คือมันคล่อมอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 กลุ่มนี้ แต่ทางฮอนด้าก็จัดให้มันไปอยู่ในกลุ่มของ C-Segment SUV
วันที่ 17 พฤศจิกายนเวลาประมาณช่วงบ่ายๆ Honda HR-V คันนี้ก็ได้ปรากฏกายให้กับสายตาสื่อมวลชนชาวไทย และคนทั้งประเทศ บ้างก็ไปดักรอชมอยู่ที่โชว์รูม กะว่าจะเป็นอีกส่วนหนึ่งในกลุ่มแรกๆที่ได้ยลโฉม และยังไม่ลืมที่จะบันทึกภาพและเก็บข้อมูลต่างๆมาอัพเดทผ่านโลกโซเชียลให้เพื่อนๆที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอโทรศัพท์ได้รับรู้กันอย่างทันควัน
และไม่ต่างอะไรกับตัวผมที่จะพยายามเดินทางไปชมน้องใหม่คันนี้ด้วยตัวเอง พอเดินทางไปถึงโชว์รูม Honda HR-V ก็ถูกจอดไว้ด้านหน้าอย่างสง่างาม กะว่าใครขับรถผ่านไปผ่านมาต้องเห็นแน่ๆ เรือนร่างของเจ้าคันนี้มีหลายจุดเป็นเอกลักษณ์ที่สวยงามและโดดเด่นมาก โดยเฉพาะไฟหน้าที่โฉบเฉี่ยวและเรียวแหลมปานคมดาบซามูไร โดยได้ปลูกไฟโปรเจกเตอร์ และไฟ DRL ไว้ในโคม (เฉพาะรุ่น V,EL) ทั้งหมดยังสอดรับกับกระจังหน้าขนาดใหญ่แบบ Solid Wing Face ได้อย่างลงตัว ถัดมาถือว่าเป็นส่วนที่ชอบที่สุด เพราะมันสวยจริงๆ นั่นก็คือเส้นสายด้านข้างตัวรถมีอารมณ์ที่พลิ้วไหว แถมยังสปอร์ตได้อีก มือเปิดประตูด้านหลังจะถูกซ่อนไว้ใกล้กับบานกระจก แต่ลักษณะการเปิดมันรู้สึกไม่ค่อยจะเป็นธรรมชาติ ผมจึงชอบมือเปิดแบบปกติมากกว่า (อันนี้แล้วแต่คนชอบนะครับ) ส่วนบั้นท้ายก็ให้ความสวยงามด้วยชุดไฟท้าย LED (แบบ Tube เฉพาะรุ่น EL) เป็นเส้นสวยงามมาก พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ก็ติดตั้งมาให้ครบ มิติรถยาว 4,294 มิลลิเมตร กว้าง 1,772 มิลลิเมตร สูง 1,602 มิลลิเมตร และฐานล้อกว้าง 2,610 มิลลิเมตร ส่วนภายในจะเป็นอย่างไร เราไปต่อกันเลยครับ!!
เปิดประตูบานหน้ากว้างขวางดีมาก ส่วนบานหลังก็ทำได้ดี พวงมาลัย 3 ก้านพร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชันวางไว้สวยงาม อุปกรณ์ต่างๆจัดตำแหน่งไว้ให้ใช้งานได้สะดวกไม่ซับซ้อน แผงแดชบอร์ดยังบุวัสดุนุ่มมาให้ด้วยเพิ่มความหรูหราได้มากทีเดียว และที่เด็ดสุดๆ เมื่อใครขึ้นไปนั่งแล้วจะต้องเห็นและแปลกใจแน่ๆ มันคือช่องแอร์ฝั่งผู้โดยสารยังไงล่ะครับ หือ!!...อะไรมันจะยาวเยี่ยงนั้นเล่า เป็นแอร์สามช่องที่เรียงต่อกันและจ่อเตรียมพุ่งทยานความหนาวเย็นได้อย่างทันใจ โดยเฉพาะผู้โดยสารตอนหน้า..คงจะแข็งไปเลยมั้งน่ะ!! ส่วนด้านใต้คันเกียร์จะเป็นช่องวางของและสำหรับเสียบ USB ,HDMI ,ปลั้ก 12 V แต่ขอติที่ว่าตำแหน่งของมันอยู่ต่ำและลึกเกินไป คงไม่เหมาะเวลาขับรถแน่ๆ เพราะจะต้องก้มๆเพื่อที่จะคลำหาและกว่าจะเสียบได้คงต้องใช้เวลาพอควร ทางที่ดีควรจอดรถแล้วทำให้เสร็จก่อนขับต่อ
ในเรื่องของเบาะหน้าพอนั่งไปแล้วมันก็...อืมมม...โอ้ว...นุ่มสบายดีแท้ กระชับรับกับสรีระได้ดีมาก ไม่ดันหัวด้วย ส่วนเบาะตอนหลังถึงแม้เบาะรองนั่งจะสั้นไปนิด แต่ก็นั่งสบายไร้ข้อกังขา หัวไม่ติดเพราะเขาแอบทำหลังคาให้มีส่วนโค้งเว้าขึ้นไป พื้นที่ด้านหลังนั่งสบายกว่า Ford EcoSport และมันนั่งสบายกว่านิสสัน Juke อย่างไม่ต้องสงสัยเลย (EcoSport กับ Juke 2 คันนี้ถึงจะไม่ได้เป็นคู่แข่งโดยตรงเพราะอยู่ในกลุ่ม B-Segment แต่ก็ถือว่าเป็นเซ็กเมนท์ที่ใกล้เคียงที่สุด) พื้นที่วางของด้านหลังก็มีมาให้เหลือเฟือ แอบไปงีบสองงีบยังได้เลย
ระบบความรื่นเริงบันเทิงใจเขาก็จัดมาให้อย่างเต็มๆ หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการสั่งงานด้วยเสียง Siri (สำหรับ iPhone 4s ขึ้นไป) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัสมาตรวัดเรืองแสงปรับเปลี่ยนได้ 7 สี พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ (One Push Ignition System) และระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) เบาะนั่งอเนกประสงค์ที่ปรับพับได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Utility Mode, Tall Mode และ Long Mode
ขุมพลังของ All-New Honda HR-V ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Earth Dreams (พูดง่ายๆคือเครื่องยนต์จาก Honda Civic FB นั่นเอง ยกเว้นระบบเกียร์) และยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 ได้ด้วยนะครับ ยังมีลูกเล่น Paddle Shift ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control (ยกเว้นรุ่น S)
จุดเด่นสุดๆ และชอบสุดๆของ Honda HR-V คืออุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยในทุกรุ่น *ย้ำ!! ทุกรุ่น!!
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ที่ใช้งานง่ายเพียงดึงสวิตช์ที่คอนโซลกลางขึ้นเมื่อต้องการใช้เบรกมือ
- ระบบ Auto Brake Hold (Automatic Brake Hold) ที่จะทำการหน่วงเบรกต่ออัตโนมัติหลังจากเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง ช่วยป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัวโดยไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกค้างไว้
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
- ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
- ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ที่ใช้งานง่ายเพียงดึงสวิตช์ที่คอนโซลกลางขึ้นเมื่อต้องการใช้เบรกมือ
- ระบบ Auto Brake Hold (Automatic Brake Hold) ที่จะทำการหน่วงเบรกต่ออัตโนมัติหลังจากเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง ช่วยป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัวโดยไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกค้างไว้
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
- ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
- ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) เฉพาะรุ่น V ,EL
ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมด้านคนขับอัจฉริยะ , ถุงลมด้านผู้โดยสารด้านหน้า , ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ และม่านถุงลมนิรภัย (เฉพาะรุ่นEL นอกนั้น ถุงลม 2 ตำแหน่งคู่หน้า)
และไฮไลท์สำคัญคือ หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) พร้อมระบบเปิดปิดแบบ One-Touch
HR-V ใหม่ มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย
รุ่น S 890,000 บาท
รุ่น E 975,000 บาท
รุ่น EL 1,045,000 บาท
มีสีให้เลือกทั้งหมด 5 สี.....คือ
สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก)
สีเทารูสแบล็ค (เมทัลลิก)
สีดำคริสตัล (มุก) + เพิ่มเงิน 6,000 บาท
สีน้ำเงินมอร์ฟโฟ (มุก) + เพิ่มเงิน 6,000 บาท
สีขาวออร์คิด (มุก) + เพิ่มเงิน 10,000 บาท
*สีน้ำเงินมอร์ฟโฟ (มุก) มีจำหน่ายเฉพาะรุ่น E และ EL
รุ่น E 975,000 บาท
รุ่น EL 1,045,000 บาท
มีสีให้เลือกทั้งหมด 5 สี.....คือ
สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก)
สีเทารูสแบล็ค (เมทัลลิก)
สีดำคริสตัล (มุก) + เพิ่มเงิน 6,000 บาท
สีน้ำเงินมอร์ฟโฟ (มุก) + เพิ่มเงิน 6,000 บาท
สีขาวออร์คิด (มุก) + เพิ่มเงิน 10,000 บาท
*สีน้ำเงินมอร์ฟโฟ (มุก) มีจำหน่ายเฉพาะรุ่น E และ EL
การมาของ Honda HR-V ครั้งนี้เป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่คนไทยพูดถึงมากที่สุด ถึงแม้ก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะกังวลเรื่องของราคาว่าจะสูงเกินไป แต่พอเปิดราคาออกมารุ่นท็อปล้านนิดๆ ถือว่าตามที่คาดการณ์เอาไว้ เพราะราคานี้คุณจะได้ทั้งเครื่อง 1.8 ลิตร เกียร์ลูกใหม่ หลังคารูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา ระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็มตั้งแต่รุ่น S และอื่นๆอีกมากมาย ถ้าถามว่าคุ้มไหมกับเงินที่เสียไป..ในความคิดของผมผมว่ามันคุ้มแล้วล่ะ อีกมุมหนึ่งอาจจะมองว่าราคามันใกล้เคียงกับรุ่นพี่ CR-V แต่มันก็ห่างกันเป็นแสนนะจ้ะ แถมยังมีออบชั่นที่จัดเต็มกว่ามาก ฉะนั้นเทียบกันไม่ได้เลย HR-V เป็นรถที่มีรูปลักษณ์สวยงาม พร้อมกับความสบายจากพื้นที่ภายในห้องโดยสาร All-New Honda HR-V จึงเป็นรถยนต์ Crossver ที่น่าจับตามองที่สุดใน พ.ศ.นี้
**********************************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น