เริ่มจากภายนอกที่เราจะเห็นได้ชัดเจนคือด้านหน้ารถที่มีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิมมากพอสมควร ไฟหน้าทรงใหม่ไร้วี่แววโคมโปรเจกเตอร์ แต่ยังมีไฟส่องสว่างยามกลางวันแบบ LED มาให้ในโคม กระจังหน้าขนาดใหญ่เสริมกรอบโครเมียม และกันชนด้านล่างดีไซน์ใหม่ ซึ่งในรุ่น High country จะมีการ์ดสีดำแปะมาให้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีลายล้อแบบใหม่ ซึ่งจะแยกระหว่างรุ่นธรรมดา และรุ่น High country ได้ขอบ 18 นิ้ว ส่วนบั้นท้ายแทบไม่มีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ยกเว้นมือจับฝาท้าย หากมองรวมๆแล้วตัวรถอาจจะดูเขินๆ น่าจะเป็นบังโคลนหน้า/หลังที่ยังไม่ใส่มาให้ จุดต้องรอดูตัวขายว่าจะใส่มาให้หรือไม่
นอกจากนี้ยังมีลายล้อแบบใหม่ ซึ่งจะแยกระหว่างรุ่นธรรมดา และรุ่น High country ได้ขอบ 18 นิ้ว ส่วนบั้นท้ายแทบไม่มีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ยกเว้นมือจับฝาท้าย หากมองรวมๆแล้วตัวรถอาจจะดูเขินๆ น่าจะเป็นบังโคลนหน้า/หลังที่ยังไม่ใส่มาให้ จุดต้องรอดูตัวขายว่าจะใส่มาให้หรือไม่
ภายในถือเป็นอีกจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากๆ แผงคอนโซลด้านหน้าถูกสวมใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะคล้ายโคโลราโดเวอร์ชั่น US การจัดเรียงอุปกรณ์ต่างๆถูกวางไว้ในที่ที่จัดต้องได้ง่ายและไม่ซับซ้อน มีหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับระบบ MyLink, และรองรับ Apple CarPlay, มีระบบสั่งงานด้วยเสียงจาก Siri, พวงมาลัยทรงเดิม, เรือนไมล์แบบใหม่, วัสดุหุ้มเบาะมีทั้งผ้าและหนัง ซึ่งมีความปราณีตมากขึ้น และยังมีฟังก์ชั่นรีโมทสตาร์ท ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากเวลาจอดกลางแจ้งด้วยการสตาร์ทเครื่องยนต์ได้จากกุญแจ เพื่อให้ห้องโดยสารเย็นสบายก่อนขึ้นรถ
เครื่องยนต์จะติดตั้งวัสดุดูดซับเสียงรบกวนบริเวณหัวฉีดเพื่อให้ทำงานได้เงียบขึ้น ทั้งยังมียางรองตัวถังและยางรองแท่นเครื่องยนต์ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ ทำให้มีระดับเสียงเงียบลง 2-4 เดซิเบล และแรงสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสารลดลง
เครื่องยนต์จะเหลือเพียงตัวเดียวที่มีการปรับแรงม้าและแรงบิดขึ้น เป็นขุมพลังดีเซล Duramax 4 สูบ 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผัน VGT ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที (รุ่นเดิมจะมีกำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร) เครื่องยนต์ใหม่นี้ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 4
ระบบส่งกำลังมีเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีดจะมีการปรับแต่งอัตราทดเกียร์ใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มสมรรถนะและความประหยัดน้ำมัน
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาในส่วนของ...
- ระบบช่วงล่างให้มีความเสถียรยิ่งกว่าเดิม โดยระบบกันสะเทือนชุดใหม่ถูกปรับตั้งพร้อมช็อกอัพแบบไดเกรสซีฟ
- ห้องโดยสารถูกแยกจากระบบช่วงล่างด้วยยางรองตัวถัง ทำให้สามารถลดเสียงและแรงสั่นสะเทือนลง
- ดิสก์เบรกชุดใหม่มีเสียงการทำงานที่ลดลง
- ระบบพวงมาลัยเปลี่ยนมาใช้แบบไฟฟ้า (EPS)
ระบบความปลอดภัยก็จัดให้อย่างครบครัน และมีระบบใหม่เพิ่มเข้ามาอีกด้วย ได้แก่
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีทั้งขณะออกตัวและในโค้ง Traction Control System (TCS)
- ระบบรองรับการเบรกกะทันหัน Panic Brake Assist (PBA)
- ระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake Force Distribution (EBD)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Electronic Stability Control (ESC)
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน Hill Descent Control (HDC)
- ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน Hill Start Assist (HSA)
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่
- ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- ระบบช่วยเหลือการจอดด้านหน้าและหลัง
- ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง
- เซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำฝน
- ไฟหน้าเปิด/ปิดอัตโนมัติ
การเปิดตัวของ Chevrolet Colorado Minorchange ในวันที่ 28 เมษายนนี้เป็นเพียงการเรียกน้ำย่อยให้กับสาวกเท่านั้น เพราะยังไม่มีสเปคหรือรุ่นย่อยต่างๆ รวมถึงราคาออกมาแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าคงอีกประมาณ 2 เดือนน่าจะมีข้อมูลพร้อมเปิดให้จอง!
ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars
************************************