ปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่ารถจักรยานยนต์ BigBike ช่วงนี้มาแรงมากทีเดียว ระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีเราจะสังเกตเห็นได้เลยว่าสังคมบิ๊กไบค์โตขึ้น ส่วนหนึ่งก็เกิดจากความชอบหรือมีแรงบันดาลใจจากนักแข่งในสนาม แต่อีกส่วนก็ถอยมาขับตามกระแส ทำให้ทุกวันนี้มีรถ BigBike ให้เลือกมากมายไปหมด แถมยังสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้อย่างง่ายด้วยนะ!!
เมื่อสังคมบิ๊กไบค์กว้างขึ้น แน่นอนว่ากลุ่มคนที่มีความชื่นชอบในรถทรงนี้ก็มากตามไปด้วย แต่สำหรับคนที่อยากจะมีรถมอเตอร์ไซต์ที่ดูเท่ๆ ใหญ่ๆ แต่กำลังทรัพย์ไม่พอที่จะไปเล่นตัวแพงๆ หรือต้องการรถที่เอาไว้ขี่เล่นชิวๆ ไม่เน้นแรงมาก เอาแค่พอดีๆ แต่สามารถขับไปโชว์สาวๆได้ รถในคลาส 150cc.-200cc. เห็นจะเหมาะสมที่สุดและราคาก็ไม่แพงมากด้วย แต่ส่วนมากที่เราเห็นบ่อยๆล้วนเป็นรถตลาดอย่าง Honda CBR150R รวมไปถึง Yamaha YZF-R15 ซึ่งเป็นรถที่ออกแนวสปอร์ตกึ่งทัวร์ริ่ง แต่กลุ่มของเน็กเก็ตที่เป็นรถเปลือยแฟริ่งนั้น สองยี่ห้อข้างต้นยังไม่มีจำหน่ายในบ้านเรา แต่ก็มีหลายยี่ห้อที่มาเจาะตลาดกลุ่มนี้ ซึ่งเชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินหรือไม่คิดว่าจะมีรถรุ่นนี้อยู่ด้วยซ้ำ
รถสไตล์ Naked Bike เป็นรถอีกทรงที่มีท่านั่งค่อนข้างจะสบาย ทำให้เวลาขับเดินทางไกลไม่เมื่อยมาก หรือซอกแซกในเมืองก็ทำได้อย่างคล่องตัว ส่วนบ้านเราในคลาสนี้ก็มีอยู่มากมายหลายยี่ห้อ งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
คันแรกจากค่าย GPX แบรนด์ไทยแท้ๆ กับ CR5 รถ Naked Bike 150 ซีซี พึ่งออกมาทำตลาดได้ไม่นานนัก โดยมีการออกแบบที่โดดเด่นพอสมควรนะ ถ้าดูในภาพอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ตัวจริงบอกเลยว่าใหญ่บึกบึนมากครับ. CR5 คันนี้ มีความกว้าง 785 มม. ยาว 1,990 มม. สูง 1,050 มม. ไฟหน้าแบบโคมเดียวพร้อมไฟหรี่และไฟเลี้ยว LED มาให้เลย ถังน้ำมันขนาด 14 ลิตรที่จะอยู่ด้านในและไฟเบอร์ครอบไว้ทอดยาวเป็นแฟริ่งคลุมไปถึงด้านหน้า เบาะนั่งแบบตอนเดียวซึ่งจะมีความสูงจากพื้น 770 มม. ท่อไอเสียทรงอวบใหญ่มากครับ (บางคนแซวว่านี่ท่อหรือถังแก็ส^^ ก็ขำๆกันไป) ไฟท้ายนั้นจะเป็นแบบหลอด LED ครับ ดีไซต์แบ่งให้เป็น 2 ช่องซ้าย-ขวา ไฟเลี้ยวด้านหลังก็เป็นแอลอีดีเช่นกัน ที่เสียบกุญแจเปิดเบาะจะแปลกจากรถทั่วๆไปคือจะอยู่บริเวณใต้ไฟท้าย
ชุดมาตรวัดจะมีการผสมผสานระหว่างวัดรอบแบบเข็มที่บอกไว้ถึง 12,000 รอบ/นาที และมาตรวัดความเร็ว ปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิง นาฬิกา และทริปต่างๆเป็นดิจิตอล อ้อ!! มีบอกตำแหน่งเกียร์ด้วยนะ ระบบกันสะเทือนด้านหน้าจะเป็นแบบเทเลสโคปิค ด้านหลังเป็น MONO Spring ที่สามารถปรับความแข็งอ่อนได้ ระบบเบรคหน้าดิสก์ลูกสูบคู่ หลังดิสก์ลูกสูบเดี่ยวครับ ส่วนยางหน้าขนาด 100/80-17 หลัง 130/70-17 จัดมาให้แบบไม่ต้องไปอัพ Size ยางเลย แค่นี้ก็เท่แล้ว เรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานครับ
ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นเป็นแบบ 1 สูบ 4 จังหวะ SOHC 150 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 14.7 แรงม้า อัตราส่วนกำลังอัด 9.0:1 ระบบจุดระเบิดเป็นแบบ DC CDI พร้อมระบายความร้อนด้วยอากาศ และเกียร์ 6 สปีด น้ำหนักรถอยู่ที่ 125 กิโลกรัม จะมีให้เลือก 2 สี ขาวและดำ ราคา 56,500 บาท
---------------------------------------------------------------
รุ่นต่อมาคือ Keeway RKV 200 คันนี้อยู่ในตลาดมาประมาณ 3 ปีได้ครับ รูปลักษณ์การดีไซต์ค่อนข้างจะสะดุดตานะ ด้วยขนาดที่ใหญ่ยาวเข่าดี โดยมีความกว้างที่ 800 มม. ยาว 2,080 มม. สูง 1,070 มม. ไฟหน้าขนาดใหญ่แยกไฟสูงต่ำไว้ในโคมเดียวกัน ไฟเลี้ยวทั้งหน้าและหลังเป็นหลอดธรรมดา ถังน้ำมันขนาด 17 ลิตร อวบใหญ่ออกด้านข้างแต่ไม่โหนกสูงเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากชุดหน้ากากไฟหน้าที่ใหญ่ทำให้รถดูหัวโตๆ เบาะนั่งแบบตอนเดียวใหญ่นั่งสบายพร้อมมือจับกันตก ส่วนไฟท้ายนั้นจะใช้เป็นหลอด LED เรียงเป็นแผงเห็นชัดแน่นอน ขยับไปดูมาตรวัดกันดีกว่าครับ มาทรงเดียวกันเลยคือวัดรอบเป็นแบบอนาล็อคบอกไว้ 12,000 รอบ/นาที ส่วนค่าอื่นๆก็จะเป็นดิจิตอลพร้อมไฟบอกตำแหน่งเกียร์ และยังให้ที่เสียบกุญแจพร้อมฝาล็อกปิดอีกด้วย เพิ่มความปลอดภัยอีกขั้นเลยทีเดียว
ระบบกันสะเทือนคันนี้ชุดหน้าจัดโช๊คแบบ USD มาให้เลย เน้นหล่อว่างั้นเถอะ ด้านหลังแบบสวิงอาร์มวางโช๊คอัพแก็สไว้สองข้างซ้ายขวา และมั่นใจด้วยระบบเบรคแบบดิสก์ทั้งหน้าและหลัง ส่วนบังโคลนหลังที่ใช้ติดป้ายทะเบียนจะค่อนข้างยาว ข้อดีก็กันดินกันโคลนดีดใส่ ยิ่งฤดูฝนนี่ไม่ต้องพูดถึง รถท้ายสั้นๆขับไปเฮ้อะ..ลายเต็มหลังเลยล่ะครับ แต่ถ้าอย่าให้สั้นก็คลายน็อตแล้วก็ถอดออกได้เพราะเขาทำมาสองชิ้นประกบกัน ยางหน้าขนาด 100/80-17 หลัง 130/70-17
ขุมพลังนั้นจะเป็นเครื่องยนต์แบบ 1 สูบ 4 จังหวะ ความจุ 197 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 15.7 แรงม้า แรงบิด 13.5 นิวตันเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.6:1 ระบบจุดระเบิด CDI พร้อมระบายความร้อนแบบ Oil Cooler และเกียร์ 5 สปีด น้ำหนักรถอยู่ที่ 120 กิโลกรัม ราคา 59,900 บาท
---------------------------------------------------------------
Lifan KP150 รถแบรนด์จีนโดยแท้ที่มีชื่อเสียงไม่เบาเลยสำหรับลีฟ่านซึ่งน่าจะคุ้นหูพอสมควร เจ้า KP150 ก็ออกมาทำตลาดได้สักพักใหญ่ๆแล้วล่ะครับ รูปโฉมโนมพรรณน่าคบหาเลยทีเดียว โดยสัดส่วนจะมีความกว้าง 745 มม. ยาว 2,060 มม. และสูง 1,080 มม. โดยคันนี้เท่าที่ดูจะออกแนวบึกบึน แต่ยังมีส่วนที่ดูแล้วให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยว ทรงไฟหน้ามีการออกแบบให้มีส่วนยุบส่วนยืดเป็นเอกลักษณ์ ไฟเลี้ยวดวงโตแบบหลอดธรรมดา ถังบรรจุน้ำมันอวบใหญ่ (บนเว็บบอก 13 ลิตร ในภาพบอก 16 ลิตร แต่น่าจะ 13 ลิตรแหละ^^) และมีชุดแฟริ่งที่แปะไว้กับถังน้ำมันลากยาวไปคลุมแผงหม้อน้ำด้านหน้าไว้ (คันนี้มีหม้อน้ำด้วยนะจ๊ะ!!) เบาะตอนเดียวที่สูงจากพื้น 775 มม. และท้ายรถไม่โด่งมาก คนซ้อนท้ายจะสบายหน่อย ไฟท้ายตามสมัยนิยมครับ แบบ LED ท่อไอเสียใหญ่ยาวมีการ์ดกันความร้อนสีเงินมาให้ด้วย
บริเวณชุดเรือนไมค์ก็มาในโทนเดียวกันคือวัดรอบแบบเข็มบอกไว้ 11,000 รอบ/นาที นอกนั้นก็จะเป็นดิจิตอลวางไว้มุมขวาล่าง ระบบกันสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิค ส่วนด้านท้ายเป็นโช็คเดี่ยวสามารถปรับความหนืดได้ เบรคหน้าหลังเป็นดิสก์เบรค ล้อแมกซ์ 6 ก้านซึ่งจะมีการเซาะร่องเพิ่มความสวยงามและทำให้น้ำหนักเบาลงอีกด้วย ขนาดยางหน้า 80/100-17 หลัง 110/80-17 อาจจะไซส์เล็กไปสักหน่อยถ้าเทียบกับเพื่อนๆ ใครที่ชอบเอียงเบนโค้งเยอะๆอาจจะขัดใจนิดๆ แต่ก็พอหอมปากหอมคอครับ และท้ายรถคันนี้จะมีความหนาค่อนข้างจะเยอะซึ่งก็แล้วแต่คนชอบ เพราะส่วนใหญ่เห็นชอบท้ายโด่งๆกัน^^
เครื่องยนต์ตัวนี้แบบ 1 สูบ 4 จังหวะ ความจุ 150 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 15 แรงม้า แรงบิด 13.5 นิวตันเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.6:1 ระบบจุดระเบิด CDI พร้อมระบายความร้อนด้วยน้ำ ระบบเกียร์ 5 จังหวะ น้ำหนักรถอยู่ที่ 138 กิโลกรัม ราคา 59,000 บาท
---------------------------------------------------------------
คันต่อมาคือ Platinum Xtreet Sport 200 Series Z (ชื่อจะยาวไปไหน??) เป็นรถคันแรกเลยที่ผมเห็น ตอนนั้นเอาไปขึ้นห้าง BigC รูปทรงนี่สะดุดตาสุดๆ เดี๋ยวขอไล่จากมิติตัวรถก่อน รถคันนี้จะกว้าง 762 มม. ยาว 2,040 มม. สูง 1,080 มม. ไฟหน้าดวงโตแบบหลอดธรรมดา 2 หลอดแยกสูง/ต่ำ ถังน้ำมันจุได้ 14 ลิตร และกิ๊บเก๋โดดเด่นมากตรงที่มีไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แปะไวข้างตัวถังทั้งสองข้างเป็นแนวยาวเลย ซึ่งถ้าเปิดไฟเลี้ยวก็จะกระพริบเป็นไฟเลี้ยวอีกชุด และจุดเด่นอีกจุดคือโครงเฟรมถักสีแดง แต่ถ้าเอามือไปเคาะๆดูจะรู้เลยว่ามันคือพลาสติกที่เอามาแปะไว้เท่านั้น แต่ก็ทำให้รถดูมีสเน่ห์ขึ้นเป็นกองเลยล่ะ เบาะนั่งนั้นจะแยกเป็น 2 ชิ้นครับ ไฟท้ายแบบ LED ดูแล้วต้องร้องอ๋อ..เพราะก็ยกทรงมาจาก BMW S1000rr ชัดๆเลยครับ ถัดลงมานั้นจะเป็นปลายท่อออกก้นแยกสองรูพร้อมการ์ดกันความร้อน
มาตรวัดรถคันนี้ทุกอย่างจะแสดงข้อมูลด้วยดิจิตอล ระบบเบรคทั้งหน้าและหลังเป็นดิสก์เบรค โช็คหน้าแบบเทเลสโคปิค โช็คหลังเดี่ยวแบบโมโนโช็ค ขนาดล้อหน้า 110/70-17 หลัง 130/70-17 โดยรวมแล้วโดดเด่นมากครับ เครื่องยนต์คันนี้เป็นแบบ 1 สูบ 4 จังหวะ SOHC 197 ซีซี อัตราส่วนกำลังอัด 9.2:1 ระบบจุดระเบิดแบบ CDI พร้อมระบายความร้อนด้วยอากาศ เกียร์ 5 สปีด น้ำหนักรถอยู่ที่ 120 กิโลกรัม แต่เสียดายที่ไม่มีข้อมูลแรงม้าและแรงบิดมาให้เลย ราคาอยู่ที่ 65,000 บาทครับ
---------------------------------------------------------------
คันสุดท้ายท้ายสุด!! มาจากจีนแผ่นดินใหญ่อีกแล้ว Zongshen Z-One หรือ Ryuka RK200 ซึ่งในปัจจุบันถือเป็นเวอร์ชันที่ 2 แล้ว โดยที่มีขนาดตัวกว้าง 760 มม. ยาว 2,000 มม. และสูง 990 มม. การดีไซต์คันนี้จะค่อนข้างโฉบเฉี่ยวสปอร์ตมาก ไฟหน้าเป็นหลอดธรรมดาแต่ทรงสวยมากแอบคล้าย Suzuki GSX-S750 เลย ไฟเลี้ยวจัดมาแบบ LED ไม่ต้องไปหาแต่งอีกแล้ว ถังน้ำมันจุได้ 18 ลิตร ทรงถังจะไม่ใหญ่ เพียวๆโค้งเว้าให้รีบกับการหนีบแนบ เหลือบมองดูด้านล่าง ไอ้ย้ะ!! เป็นรถคันเดียวในคลาสที่ติดอกไก่มาให้ด้วย การออกแบบข้างตัวรถสปอร์ตดีครับ เบาะนั่งให้มาแบบ 2 ตอน สูงจากพื้น 790 มม. ไฟท้าย LED แผงใหญ่ ท่อไอเสียปลายทรงสามเหลี่ยมเหมือนท่อแต่งเลย (เวอร์ชันแรกที่ออกมาจะเป็นท่อเล็กๆยาวๆ)
RK200 คันนี้จะมีมาตรวัดรอบอยู่ทางด้านขวา รอบสูงสุดที่ 12,000 รอบต่อนาที ส่วนฝั่งซ้ายก็เป็นวันความเร็วและค่าต่างๆ โช็คหน้าเปลี่ยนจากเทเลสโคปิคมาใช้แบบหัวกลับ USD โช็คคู่หลังก็เปลี่ยนมาใช้แบบแก็ส เบรคหน้าดิสก์แต่หลังยังให้มาแค่ดรัมเบรคเท่านั้น ขนาดล้อหน้า 90/90-17 ล้อหลัง 110/80-17 ให้มาแบบพองามพร้อมกับแมกซ์สวยงามครับ
รถคันนี้จะมีจุดเด่นในส่วนของพละกำลังที่ดูจากสเปคแล้วจะค่อนข้างเหนือกว่านิดๆ ด้วยเครื่องยนต์แบบ 1 สูบ 4 จังหวะ SOHC 200 ซีซี ให้กำลังสูงสุดที่ 17.7 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 15 นิวตันเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.25:1 ระบบจุดระเบิดแบบ CDI พร้อมระบายความร้อนด้วยอากาศ และเกียร์ 5 สปีด น้ำหนักรถอยู่ที่ 117 กิโลกรัม ราคา 59,500 บาทครับ
---------------------------------------------------------------
แต่ละคันนั้นถือว่ามีจุดเด่นที่แตกต่างกันไปนะ ซึ่งจะว่าไปแล้วรถทั้งห้าคันนี้ต่างก็มีเชื้อสายจีนทั้งทางตรงและทางอ้อม ราคาที่ถูกแบบจับต้องได้ง่าย การประกอบและวัสดุจากที่ได้สัมผัสมา ถ้าพูดกันตรงๆสำหรับผมมองว่ายังเป็นรองรถญี่ปุ่นนะแต่ไม่มากมายอะไร และไม่ใช่ของกากๆอย่างที่หลายคนคิด ภายในระยะเวลาที่ผ่านมาบางท่านมักจะมองว่ารถจีนไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ แต่เท่าที่ดู 5 คันนี้แล้วเนี่ย รถแต่ละรุ่นมีคนใช้ก็จำนวนไม่น้อยเลย ฉะนั้นคนจะกลัวมากที่สุดก็คือ กลัวรถมีปัญหา ผมสังเกตในกลุ่มต่างๆ บอกเลยว่ามีปัญหาทุกยี่ห้อ แต่เป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆที่เป็นแล้วแก้ไขได้ และไม่ใช่ว่าจะมีปัญหาเยอะกว่ารถตลาด แม้แต่รถ BigBike แพงๆก็มีปัญหาแทบไม่ต่างกัน!!
ทั้ง 5 คันนี้ถึงแม้ว่าซีซีและแรงม้าจะต่างกัน แต่ความเร็วปลายจะพอๆกันที่ 120-130 Km/h(บวกลบ) ถ้ามองเรื่องความคุ้มค่า รถราคาไม่เกินเจ็ดหมื่น วัสดุการประกอบถือว่าทำได้ดีไม่ขี้เหร่ และได้รูปทรงที่สะดุดตากว่ารถบ้านทั่วๆไปหรือจะหลีกหนีจากความจำเจ มันก็คงคุ้มแหละถ้าคุณรู้จักรถก่อน แต่ถ้าไม่รู้รถ ซื้อมาเพราะชอบ สวยดี แต่มาขับขับได้แค่ 120 เองหรอ??...นั่นแหละครับรถแต่ละคันมีบุคลิกที่แตกต่างกันไป สมรรถนะที่มี ความสวยงามที่ให้มา ถ้ารับได้ ผมว่าโคตรคุ้มเลยกับรถ Naked Bike ที่จ่ายแสนทอนเป็นหมื่น..!!
ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่ : https://www.facebook.com/pages/MZ-Crazy-Cars/1410003339233043?ref=hl
***************************************************************************************
i love platinum
ตอบลบ:)
ลบหาซื้อได้ที่ไหนคับ
ตอบลบ