วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

New Toyota Aurion Minorchange ใหม่ ไม่หวือหวานัก เพราะปรับน้อยมาก..!!

       หลังจากที่โตโยต้าบ้านเราปรับโฉม Minorchange ให้กับ Camry ใหม่ โดยที่ได้หน้าตาแบบเวอร์ชันรัสเซียแบบเป้ะๆ เพียงแค่มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเท่านั้นที่ต่างกัน เช่นเดียวกับทางออสเตรเลียที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อเอาใจลูกค้าเช่นกัน..!!


       แต่โตโยต้า แคมรี่ รถขนาดกลางที่ขายในออสเตรเลียจะใช้ชื่อว่า Toyota Aurion เพื่อให้ดูเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ใครที่ใช้รุ่นก่อนหน้านี้ยิ้มเลยครับ เพราะรุ่นใหม่ปรับน้อยมากๆ ชาวออสซี่คงต้องมีอิจฉาบ้านเรามั่งแล้วล่ะ (Camry MC US Version แยกขายต่างหาก)

       New Toyota Aurion มีการปรับลุคเล็กๆน้อยๆแต่ก็ให้ความลงตัวมากขึ้น แม้ว่าภายนอกนั้นจะยังคงหน้าแบบเดิมไว้ แต่ก็ยังมีการเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่แต่ก็เป็นของตัว
 Hybrid รุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์ของไทยนั่นเอง ส่วนรุ่น AT-X แทบจะไม่ต่างจากเดิม แต่ก็โดเด่นด้วยล้ออัลลอย 16 นิ้ว พร้อมเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้าและหลัง 



       ในรุ่นท็อปนั้นจะได้ล้อขนาด 17 นิ้ว พร้อมไฟท้ายแบบ LED เพิ่มความสว่างชัดเจนในยามค่ำคืน ส่วนรุ่นพิเศษสะกดทุกสายตา Sportivo จะมีสเกิร์ตรอบคันพร้อมสปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอยด์รมดำขนาด 18 นิ้ว และปรับเซ็ตช่วงล่างใหม่เพิ่มอารมณ์สปอร์ตไว้อย่างเต็มพิกัด

       ภายในจะมีปุ่ม Push Start พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน กุญแจ Keyless Entry ระบบอินโฟเทนเมนต์ ToyotaLink ผสานกับลำโพง JBL ให้มาถึง 10 ตัว 
จอแสดงผลขนาด 4.2 นิ้ว ระบบนำทาง และกล้องมองหลังปรับระดับทิศทางได้


       เครื่องยนต์จะเป็นเบนซิน 2GR-FE V6 3.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิด 336 นิวตันมเตร พร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ระบบ Paddle Shift ในรุ่น Sportivo และสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ 10.8 กิโลเมตรต่อลิตร พร้อมระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม เช่น ถุงลมนิรภัย 7 จุด สัญญาณเตือนขณะถอยหลัง ระบบควบคุมปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบแสดงสัญญาณมุมอับสายตา เป็นต้น


       Toyota Aurion มีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ AT-X ,Sportivo ,Presara ราคา 9.5 แสนถึง 1.3 ล้านบาท เหตุที่ Aurion ไม่ได้เปลี่ยนมากอย่างที่คาดส่วนหนึ่งเป็นเพราะการที่โตโยต้าทุ่มดีไซต์ให้กับ Camry Big Minorchange ไปซะแล้ว กำหนดการเปิดตัวประมาณหน้าครับ..!!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่ : https://www.facebook.com/pages/MZ-Crazy-Cars/1410003339233043?ref=hl
******************************************************************************************

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

มาสด้าตัดใจ!! ไม่ส่ง Mazda 2 ลงสู้ศึกในอเมริกา..เหตุเพราะได้กำไรไม่คุ้มเสีย..!!


       จากข่าวก่อนหน้านี้ที่มาสด้าได้จับมือกับโตโยต้าในการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีซึ่งกันและกัน โดยรถที่เห็นเป็นรูปธรรมที่สุดก็คือมาสด้า 3 ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดของโตโยต้า โตโยต้าเองก็ได้นำมาสด้า 2 ไปจำหน่ายในอเมริกาในชื่อ Scion iA แต่นี่หรือที่จะเป็นสาเหตุทำให้ Mazda 2 หลีกทางให้และจะไม่ลงทำตลาดในอเมริกา..!!

       Rob-ert Davis ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ของมาสด้าสหรัฐอเมริกาออกมายืนยันว่า แผนการจัดจำหน่ายมาสด้า 2 ในสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินใจไม่ลงทำตลาดแล้ว เนื่องจาก Mazda มองว่ารถยนต์นั่งขนาดเล็กที่เน้นประหยัดน้ำมันไม่ตอบโจทย์กับที่นี่ 

       อีกทั้งศูนย์บริการก็ไม่ได้มีมากมาย ถ้าหากลงทุนไปเกรงว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย ฉะนั้นมาสด้าจึงมุ่งเน้นให้ความสำคัญแก่รถรุ่นอื่นที่คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า

Scion iA

       และเหตุผลประกอบอีกบางประการที่ทำให้มาสด้ากล้าตัดสินใจนี้คือ มาสด้า 2 มียอดขายในปี 2014 ไม่ถึง 14,000 คัน 
ก่อนหน้านี้ในปี 2012 ทำยอดขายได้สูงสุดที่ 19,315 คัน (ฟอร์ด เฟียสต้ามียอดขายมากกว่า 63,000 คันในปี 2014) รวมไปถึงยอดขายรถขนาดเล็กลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลพวงมาจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ทำให้คนแห่กันไปซื้อรถที่มีสมรรถนะที่ดีกว่ารถเน้นประหยัดน้ำมันนั่นเอง

       แต่ถึงกระนั้นลูกค้าในอเมริกาที่ถวิลหามาสด้า 2 มาครอบครองก็จะต้องยอมหันไปคบกับ Scion iA แทนแล้วล่ะครับ...ซึ่งหลายคนก็ไม่ค่อยจะเชื่อมั่นเท่าแบรนด์ต้นฉบับซะด้วยสิ..!!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่ : https://www.facebook.com/pages/MZ-Crazy-Cars/1410003339233043?fref=photo
************************************************************************

กระแสแรง!! รวม Naked Bike 150-200 ซีซี ของดีราคาถูก..จ่ายแสนทอนหลายหมื่น..!!


       ปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่ารถจักรยานยนต์ BigBike ช่วงนี้มาแรงมากทีเดียว ระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีเราจะสังเกตเห็นได้เลยว่าสังคมบิ๊กไบค์โตขึ้น ส่วนหนึ่งก็เกิดจากความชอบหรือมีแรงบันดาลใจจากนักแข่งในสนาม แต่อีกส่วนก็ถอยมาขับตามกระแส ทำให้ทุกวันนี้มีรถ BigBike ให้เลือกมากมายไปหมด แถมยังสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้อย่างง่ายด้วยนะ!!

       เมื่อสังคมบิ๊กไบค์กว้างขึ้น แน่นอนว่ากลุ่มคนที่มีความชื่นชอบในรถทรงนี้ก็มากตามไปด้วย แต่สำหรับคนที่อยากจะมีรถมอเตอร์ไซต์ที่ดูเท่ๆ ใหญ่ๆ แต่กำลังทรัพย์ไม่พอที่จะไปเล่นตัวแพงๆ หรือต้องการรถที่เอาไว้ขี่เล่นชิวๆ ไม่เน้นแรงมาก เอาแค่พอดีๆ แต่สามารถขับไปโชว์สาวๆได้ รถในคลาส 150cc.-200cc. เห็นจะเหมาะสมที่สุดและราคาก็ไม่แพงมากด้วย แต่ส่วนมากที่เราเห็นบ่อยๆล้วนเป็นรถตลาดอย่าง Honda CBR150R รวมไปถึง Yamaha YZF-R15 ซึ่งเป็นรถที่ออกแนวสปอร์ตกึ่งทัวร์ริ่ง แต่กลุ่มของเน็กเก็ตที่เป็นรถเปลือยแฟริ่งนั้น สองยี่ห้อข้างต้นยังไม่มีจำหน่ายในบ้านเรา แต่ก็มีหลายยี่ห้อที่มาเจาะตลาดกลุ่มนี้ ซึ่งเชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินหรือไม่คิดว่าจะมีรถรุ่นนี้อยู่ด้วยซ้ำ

       รถสไตล์ Naked Bike เป็นรถอีกทรงที่มีท่านั่งค่อนข้างจะสบาย ทำให้เวลาขับเดินทางไกลไม่เมื่อยมาก หรือซอกแซกในเมืองก็ทำได้อย่างคล่องตัว ส่วนบ้านเราในคลาสนี้ก็มีอยู่มากมายหลายยี่ห้อ งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า





       คันแรกจากค่าย GPX แบรนด์ไทยแท้ๆ กับ CR5 รถ Naked Bike 150 ซีซี พึ่งออกมาทำตลาดได้ไม่นานนัก โดยมีการออกแบบที่โดดเด่นพอสมควรนะ ถ้าดูในภาพอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ตัวจริงบอกเลยว่าใหญ่บึกบึนมากครับ. CR5 คันนี้ มีความกว้าง 785 มม. ยาว 1,990 มม. สูง 1,050 มม. ไฟหน้าแบบโคมเดียวพร้อมไฟหรี่และไฟเลี้ยว LED มาให้เลย ถังน้ำมันขนาด 14 ลิตรที่จะอยู่ด้านในและไฟเบอร์ครอบไว้ทอดยาวเป็นแฟริ่งคลุมไปถึงด้านหน้า เบาะนั่งแบบตอนเดียวซึ่งจะมีความสูงจากพื้น 770 มม. ท่อไอเสียทรงอวบใหญ่มากครับ (บางคนแซวว่านี่ท่อหรือถังแก็ส^^ ก็ขำๆกันไป) ไฟท้ายนั้นจะเป็นแบบหลอด LED ครับ ดีไซต์แบ่งให้เป็น 2 ช่องซ้าย-ขวา ไฟเลี้ยวด้านหลังก็เป็นแอลอีดีเช่นกัน ที่เสียบกุญแจเปิดเบาะจะแปลกจากรถทั่วๆไปคือจะอยู่บริเวณใต้ไฟท้าย



       ชุดมาตรวัดจะมีการผสมผสานระหว่างวัดรอบแบบเข็มที่บอกไว้ถึง 12,000 รอบ/นาที และมาตรวัดความเร็ว ปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิง นาฬิกา และทริปต่างๆเป็นดิจิตอล อ้อ!! มีบอกตำแหน่งเกียร์ด้วยนะ ระบบกันสะเทือนด้านหน้าจะเป็นแบบเทเลสโคปิค ด้านหลังเป็น MONO Spring ที่สามารถปรับความแข็งอ่อนได้ ระบบเบรคหน้าดิสก์ลูกสูบคู่ หลังดิสก์ลูกสูบเดี่ยวครับ ส่วนยางหน้าขนาด 100/80-17 หลัง 130/70-17 จัดมาให้แบบไม่ต้องไปอัพ Size ยางเลย แค่นี้ก็เท่แล้ว เรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานครับ

       ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นเป็นแบบ 1 สูบ 4 จังหวะ SOHC 150 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 14.7 แรงม้า อัตราส่วนกำลังอัด 9.0:1 ระบบจุดระเบิดเป็นแบบ DC CDI พร้อมระบายความร้อนด้วยอากาศ และเกียร์ 6 สปีด น้ำหนักรถอยู่ที่ 125 กิโลกรัม จะมีให้เลือก 2 สี ขาวและดำ ราคา 56,500 บาท

---------------------------------------------------------------



       รุ่นต่อมาคือ Keeway RKV 200 คันนี้อยู่ในตลาดมาประมาณ 3 ปีได้ครับ รูปลักษณ์การดีไซต์ค่อนข้างจะสะดุดตานะ ด้วยขนาดที่ใหญ่ยาวเข่าดี โดยมีความกว้างที่ 800 มม. ยาว 2,080 มม. สูง 1,070 มม. ไฟหน้าขนาดใหญ่แยกไฟสูงต่ำไว้ในโคมเดียวกัน ไฟเลี้ยวทั้งหน้าและหลังเป็นหลอดธรรมดา ถังน้ำมันขนาด 17 ลิตร อวบใหญ่ออกด้านข้างแต่ไม่โหนกสูงเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากชุดหน้ากากไฟหน้าที่ใหญ่ทำให้รถดูหัวโตๆ เบาะนั่งแบบตอนเดียวใหญ่นั่งสบายพร้อมมือจับกันตก ส่วนไฟท้ายนั้นจะใช้เป็นหลอด LED เรียงเป็นแผงเห็นชัดแน่นอน ขยับไปดูมาตรวัดกันดีกว่าครับ มาทรงเดียวกันเลยคือวัดรอบเป็นแบบอนาล็อคบอกไว้ 12,000 รอบ/นาที ส่วนค่าอื่นๆก็จะเป็นดิจิตอลพร้อมไฟบอกตำแหน่งเกียร์ และยังให้ที่เสียบกุญแจพร้อมฝาล็อกปิดอีกด้วย เพิ่มความปลอดภัยอีกขั้นเลยทีเดียว



       ระบบกันสะเทือนคันนี้ชุดหน้าจัดโช๊คแบบ USD มาให้เลย เน้นหล่อว่างั้นเถอะ ด้านหลังแบบสวิงอาร์มวางโช๊คอัพแก็สไว้สองข้างซ้ายขวา และมั่นใจด้วยระบบเบรคแบบดิสก์ทั้งหน้าและหลัง ส่วนบังโคลนหลังที่ใช้ติดป้ายทะเบียนจะค่อนข้างยาว ข้อดีก็กันดินกันโคลนดีดใส่ ยิ่งฤดูฝนนี่ไม่ต้องพูดถึง รถท้ายสั้นๆขับไปเฮ้อะ..ลายเต็มหลังเลยล่ะครับ แต่ถ้าอย่าให้สั้นก็คลายน็อตแล้วก็ถอดออกได้เพราะเขาทำมาสองชิ้นประกบกัน ยางหน้าขนาด 100/80-17 หลัง 130/70-17

       ขุมพลังนั้นจะเป็นเครื่องยนต์แบบ 1 สูบ 4 จังหวะ ความจุ 197 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 15.7 แรงม้า แรงบิด 13.5 นิวตันเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.6:1 ระบบจุดระเบิด CDI พร้อมระบายความร้อนแบบ Oil Cooler และเกียร์ 5 สปีด น้ำหนักรถอยู่ที่ 120 กิโลกรัม ราคา 59,900 บาท



---------------------------------------------------------------



       Lifan KP150 รถแบรนด์จีนโดยแท้ที่มีชื่อเสียงไม่เบาเลยสำหรับลีฟ่านซึ่งน่าจะคุ้นหูพอสมควร เจ้า KP150 ก็ออกมาทำตลาดได้สักพักใหญ่ๆแล้วล่ะครับ รูปโฉมโนมพรรณน่าคบหาเลยทีเดียว โดยสัดส่วนจะมีความกว้าง 745 มม. ยาว 2,060 มม. และสูง 1,080 มม. โดยคันนี้เท่าที่ดูจะออกแนวบึกบึน แต่ยังมีส่วนที่ดูแล้วให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยว ทรงไฟหน้ามีการออกแบบให้มีส่วนยุบส่วนยืดเป็นเอกลักษณ์ ไฟเลี้ยวดวงโตแบบหลอดธรรมดา ถังบรรจุน้ำมันอวบใหญ่ (บนเว็บบอก 13 ลิตร ในภาพบอก 16 ลิตร แต่น่าจะ 13 ลิตรแหละ^^) และมีชุดแฟริ่งที่แปะไว้กับถังน้ำมันลากยาวไปคลุมแผงหม้อน้ำด้านหน้าไว้ (คันนี้มีหม้อน้ำด้วยนะจ๊ะ!!) เบาะตอนเดียวที่สูงจากพื้น 775 มม. และท้ายรถไม่โด่งมาก คนซ้อนท้ายจะสบายหน่อย ไฟท้ายตามสมัยนิยมครับ แบบ LED ท่อไอเสียใหญ่ยาวมีการ์ดกันความร้อนสีเงินมาให้ด้วย



       บริเวณชุดเรือนไมค์ก็มาในโทนเดียวกันคือวัดรอบแบบเข็มบอกไว้ 11,000 รอบ/นาที นอกนั้นก็จะเป็นดิจิตอลวางไว้มุมขวาล่าง ระบบกันสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิค ส่วนด้านท้ายเป็นโช็คเดี่ยวสามารถปรับความหนืดได้ เบรคหน้าหลังเป็นดิสก์เบรค ล้อแมกซ์ 6 ก้านซึ่งจะมีการเซาะร่องเพิ่มความสวยงามและทำให้น้ำหนักเบาลงอีกด้วย ขนาดยางหน้า 80/100-17 หลัง 110/80-17 อาจจะไซส์เล็กไปสักหน่อยถ้าเทียบกับเพื่อนๆ ใครที่ชอบเอียงเบนโค้งเยอะๆอาจจะขัดใจนิดๆ แต่ก็พอหอมปากหอมคอครับ และท้ายรถคันนี้จะมีความหนาค่อนข้างจะเยอะซึ่งก็แล้วแต่คนชอบ เพราะส่วนใหญ่เห็นชอบท้ายโด่งๆกัน^^

       เครื่องยนต์ตัวนี้แบบ 1 สูบ 4 จังหวะ ความจุ 150 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 15 แรงม้า แรงบิด 13.5 นิวตันเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.6:1 ระบบจุดระเบิด CDI พร้อมระบายความร้อนด้วยน้ำ ระบบเกียร์ 5 จังหวะ น้ำหนักรถอยู่ที่ 138 กิโลกรัม ราคา 59,000 บาท

---------------------------------------------------------------




       คันต่อมาคือ Platinum Xtreet Sport 200 Series Z (ชื่อจะยาวไปไหน??) เป็นรถคันแรกเลยที่ผมเห็น ตอนนั้นเอาไปขึ้นห้าง BigC รูปทรงนี่สะดุดตาสุดๆ เดี๋ยวขอไล่จากมิติตัวรถก่อน รถคันนี้จะกว้าง 762 มม. ยาว 2,040 มม. สูง 1,080 มม. ไฟหน้าดวงโตแบบหลอดธรรมดา 2 หลอดแยกสูง/ต่ำ ถังน้ำมันจุได้ 14 ลิตร และกิ๊บเก๋โดดเด่นมากตรงที่มีไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แปะไวข้างตัวถังทั้งสองข้างเป็นแนวยาวเลย ซึ่งถ้าเปิดไฟเลี้ยวก็จะกระพริบเป็นไฟเลี้ยวอีกชุด และจุดเด่นอีกจุดคือโครงเฟรมถักสีแดง แต่ถ้าเอามือไปเคาะๆดูจะรู้เลยว่ามันคือพลาสติกที่เอามาแปะไว้เท่านั้น แต่ก็ทำให้รถดูมีสเน่ห์ขึ้นเป็นกองเลยล่ะ เบาะนั่งนั้นจะแยกเป็น 2 ชิ้นครับ ไฟท้ายแบบ LED ดูแล้วต้องร้องอ๋อ..เพราะก็ยกทรงมาจาก BMW S1000rr ชัดๆเลยครับ ถัดลงมานั้นจะเป็นปลายท่อออกก้นแยกสองรูพร้อมการ์ดกันความร้อน



       มาตรวัดรถคันนี้ทุกอย่างจะแสดงข้อมูลด้วยดิจิตอล ระบบเบรคทั้งหน้าและหลังเป็นดิสก์เบรค โช็คหน้าแบบเทเลสโคปิค โช็คหลังเดี่ยวแบบโมโนโช็ค ขนาดล้อหน้า 110/70-17 หลัง 130/70-17 โดยรวมแล้วโดดเด่นมากครับ เครื่องยนต์คันนี้เป็นแบบ 1 สูบ 4 จังหวะ SOHC 197 ซีซี อัตราส่วนกำลังอัด 9.2:1 ระบบจุดระเบิดแบบ CDI พร้อมระบายความร้อนด้วยอากาศ เกียร์ 5 สปีด น้ำหนักรถอยู่ที่ 120 กิโลกรัม แต่เสียดายที่ไม่มีข้อมูลแรงม้าและแรงบิดมาให้เลย ราคาอยู่ที่ 65,000 บาทครับ

---------------------------------------------------------------



       คันสุดท้ายท้ายสุด!! มาจากจีนแผ่นดินใหญ่อีกแล้ว Zongshen Z-One หรือ Ryuka RK200 ซึ่งในปัจจุบันถือเป็นเวอร์ชันที่ 2 แล้ว โดยที่มีขนาดตัวกว้าง 760 มม. ยาว 2,000 มม. และสูง 990 มม. การดีไซต์คันนี้จะค่อนข้างโฉบเฉี่ยวสปอร์ตมาก ไฟหน้าเป็นหลอดธรรมดาแต่ทรงสวยมากแอบคล้าย Suzuki GSX-S750 เลย ไฟเลี้ยวจัดมาแบบ LED ไม่ต้องไปหาแต่งอีกแล้ว ถังน้ำมันจุได้ 18 ลิตร ทรงถังจะไม่ใหญ่ เพียวๆโค้งเว้าให้รีบกับการหนีบแนบ เหลือบมองดูด้านล่าง ไอ้ย้ะ!! เป็นรถคันเดียวในคลาสที่ติดอกไก่มาให้ด้วย การออกแบบข้างตัวรถสปอร์ตดีครับ เบาะนั่งให้มาแบบ 2 ตอน สูงจากพื้น 790 มม. ไฟท้าย LED แผงใหญ่ ท่อไอเสียปลายทรงสามเหลี่ยมเหมือนท่อแต่งเลย (เวอร์ชันแรกที่ออกมาจะเป็นท่อเล็กๆยาวๆ)


       RK200 คันนี้จะมีมาตรวัดรอบอยู่ทางด้านขวา รอบสูงสุดที่ 12,000 รอบต่อนาที ส่วนฝั่งซ้ายก็เป็นวันความเร็วและค่าต่างๆ โช็คหน้าเปลี่ยนจากเทเลสโคปิคมาใช้แบบหัวกลับ USD โช็คคู่หลังก็เปลี่ยนมาใช้แบบแก็ส เบรคหน้าดิสก์แต่หลังยังให้มาแค่ดรัมเบรคเท่านั้น ขนาดล้อหน้า 90/90-17 ล้อหลัง 110/80-17 ให้มาแบบพองามพร้อมกับแมกซ์สวยงามครับ

       รถคันนี้จะมีจุดเด่นในส่วนของพละกำลังที่ดูจากสเปคแล้วจะค่อนข้างเหนือกว่านิดๆ ด้วยเครื่องยนต์แบบ 1 สูบ 4 จังหวะ SOHC 200 ซีซี ให้กำลังสูงสุดที่ 17.7 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 15 นิวตันเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.25:1 ระบบจุดระเบิดแบบ CDI พร้อมระบายความร้อนด้วยอากาศ และเกียร์ 5 สปีด น้ำหนักรถอยู่ที่ 117 กิโลกรัม ราคา 59,500 บาทครับ


---------------------------------------------------------------

        แต่ละคันนั้นถือว่ามีจุดเด่นที่แตกต่างกันไปนะ ซึ่งจะว่าไปแล้วรถทั้งห้าคันนี้ต่างก็มีเชื้อสายจีนทั้งทางตรงและทางอ้อม ราคาที่ถูกแบบจับต้องได้ง่าย การประกอบและวัสดุจากที่ได้สัมผัสมา ถ้าพูดกันตรงๆสำหรับผมมองว่ายังเป็นรองรถญี่ปุ่นนะแต่ไม่มากมายอะไร และไม่ใช่ของกากๆอย่างที่หลายคนคิด ภายในระยะเวลาที่ผ่านมาบางท่านมักจะมองว่ารถจีนไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ แต่เท่าที่ดู 5 คันนี้แล้วเนี่ย รถแต่ละรุ่นมีคนใช้ก็จำนวนไม่น้อยเลย ฉะนั้นคนจะกลัวมากที่สุดก็คือ กลัวรถมีปัญหา ผมสังเกตในกลุ่มต่างๆ บอกเลยว่ามีปัญหาทุกยี่ห้อ แต่เป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆที่เป็นแล้วแก้ไขได้ และไม่ใช่ว่าจะมีปัญหาเยอะกว่ารถตลาด แม้แต่รถ BigBike แพงๆก็มีปัญหาแทบไม่ต่างกัน!!

       ทั้ง 5 คันนี้ถึงแม้ว่าซีซีและแรงม้าจะต่างกัน แต่ความเร็วปลายจะพอๆกันที่ 120-130 Km/h(บวกลบ) ถ้ามองเรื่องความคุ้มค่า รถราคาไม่เกินเจ็ดหมื่น วัสดุการประกอบถือว่าทำได้ดีไม่ขี้เหร่ และได้รูปทรงที่สะดุดตากว่ารถบ้านทั่วๆไปหรือจะหลีกหนีจากความจำเจ มันก็คงคุ้มแหละถ้าคุณรู้จักรถก่อน แต่ถ้าไม่รู้รถ ซื้อมาเพราะชอบ สวยดี แต่มาขับขับได้แค่ 120 เองหรอ??...นั่นแหละครับรถแต่ละคันมีบุคลิกที่แตกต่างกันไป สมรรถนะที่มี ความสวยงามที่ให้มา ถ้ารับได้ ผมว่าโคตรคุ้มเลยกับรถ Naked Bike ที่จ่ายแสนทอนเป็นหมื่น..!!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่ : https://www.facebook.com/pages/MZ-Crazy-Cars/1410003339233043?ref=hl
***************************************************************************************

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Honda เตรียมเผยรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน Fuel Cell พร้อมจำหน่ายจริงในอีก 5 ปีข้างหน้า..!!

       ปัจจุบันหลายหน่วยเริ่มที่จะตระหนักถึงสภาวะแวดล้อมของโลกกันมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากหลายๆอย่างที่ปรับเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับรถยนต์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ นอกจากจะมีรถยนต์ไฮบริดที่ประสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอร์เตอร์ไฟฟ้าแล้ว ก็ยังมีรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน Fuel Cell ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย..!!

       และหลังจากที่ค่ายโตโยต้าได้เปิดตัวรถพลังงานไฮโดรเจน Fuel Cell อย่าง Toyota Mirai ไปแล้ว และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี Honda เองในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ที่คำนึงถึงภาวะอากาศโลกก็ได้ทำรถ Fuel Cell ออกมาเช่นกัน ซึ่งก็ได้เปิดตัวรถต้นแบบ Honda FCV Concept ไปได้สักพัก


       สำนักข่าว Autocar รายงานว่า Honda FCV Concept รถพลังงงานไฮโดรเจนจะใช้การการเติมไฮโดรเจนให้เต็มเพียง 3-5 นาทีเท่านั้น และสามารถวิ่งได้ในระยะทางสูงสุดถึง 482 กิโลเมตร 

       "ฮอนด้าได้พัฒนา FCV concept ให้มีประสิทธิภาพที่เหมาะสม และยอดขายจะต้องมากกว่า 250-1,000 คันต่อปี รถไฮโดรเจนต้นแบบเตรียมจะขึ้นสายการผลิตเป็นรุ่นโปรดักชั่นขายจริงในอีกไม่ช้านี้ แต่ต้องผ่านการปรับปรุงส่วนตัวถังให้เหมาะสมแก่การใช้งานจริงเสียก่อน" 



       "รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน Fuel Cell มีต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง แต่เชื่อว่าจะได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางจากผู้ใช้รถทั่วโลกในอีกสิบปีข้างหน้า" Thomas Brachmann หัวหน้าพัฒนาระบบขับเคลื่อนของ Honda กล่าว

       รถไฮโดรเจนฟิวเซล Honda FCV จะเดินสายการผลิตพร้อมทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งแรก และจะขยายการจัดจำหน่ายไปยังยุโรปและสหรัฐอเมริกาในปี 2020..!!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่ : https://www.facebook.com/pages/MZ-Crazy-Cars/1410003339233043?fref=photo
******************************************************************************************

ที่มา : Autocar

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Mazda ยิ้มไม่หุบ!! หลังจากยอดผลิต CX-5 เกิน 1 ล้านคันแล้วทั่วโลกภายในระยะเวลาอันสั้น..!!


       ถือว่าการเปลี่ยนแปลงของ Mazda ในยุคใหม่นี้เป็นไปในทิศทางที่ดีเกินคาดที่ทำรถยนต์ใหม่ในแนวคิด KODO Design ที่มีความโดดเด่นทั้งภายนอก ภายใน รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ถ่ายทอดมาจากเทคโนโลยี Skyactiv ซึ่งเป็นที่ยอมรับของคนทั้งโลก..!!

       และเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา Mazda Motor Cooperation ก็ได้ประกาศถึงยอดขายของ Mazda CX-5 ที่ท่วมท้นทะลุเกิน 1 ล้านคันแล้วภายในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดย CX-5 พึ่งทำตลาดได้เพียง 3 ปีครึ่งเท่านั้น ซึ่งสร้างความปิติยินดีและความภาคภูมิใจให้กับมาสด้าเป็นอย่างมาก


       Mazda CX-5 รถยนต์คอมแพ็ค SUV ที่สร้างตามแนวคิดสมัยใหม่ของมาสด้า "จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว" (KODO Design) พร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอ็คทีฟซึ่งมีจุดเด่นตรงการตอบสนองการขับขี่สนุก และยังให้ความประหยัดควบคู่ไปด้วยกัน CX-5 
เริ่มขึ้นสายการผลิตที่โรงงานยูจินะในเมืองฮิโรชิม่าของญี่ปุ่น และเริ่มขึ้นสายผลิตครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2011 ต่อมาจึงได้ขยายสายการผลิตไปทั่วโลกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2012 เป็นต้นมา และ Mazda CX-5 เป็นรถมาสด้ารุ่นที่ 2 รองจาก Mazda 3 ที่มีจำนวนการผลิตและจำหน่ายกว่าล้านคันภายในเวลาอันรวดเร็ว

       Mazda CX-5 ถูกผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองฮิโรชิมา 
ที่โรงงาน Ujina Plant ประเทศญี่ปุ่น และต่อมาได้กระจายกำลังการผลิตที่โรงงาน Changan Mazda Automobile ในประเทศจีน, โรงงาน Mazda Sollers Manufacturing Rus ในประเทศรัสเซีย รวมถึงโรงงานมาสด้าในประเทศมาเลเซียและเวียดนาม (ซีเอ็กซ์ห้าในไทยนำเข้ามาจากมาเลเซีย)


       ทั้งยังได้รับรางวัลต่างๆมากมายกว่า 60 รางวัลทั่วโลก รวมถึงรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปีของญี่ปุ่นประจำปี 2012 – 2013 และรถ SUV ที่มียอดขายสูงสุดในญี่ปุ่นปี 2012-2013 นั่นแสดงให้เห็นถึงผลการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค

       Mazda ยังบอกอีกว่ามีความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ CX-5 มีจำนวนการผลิตครบ 1 ล้านคันภายในระยะเวลาอันสั้น และจะพยายามพัฒนารถที่มีคุณภาพที่ดีต่อไปในอนาคต” ซึ่งในประเทศไทยเองรถรุ่นนี้ก็ถือว่าไปครองใจใครหลายๆคนเช่นกัน..!!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่ : https://www.facebook.com/pages/MZ-Crazy-Cars/1410003339233043?fref=ts
*************************************************************************************

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Spyshot ว่าที่ Naked Bike คลาส 300 จากการร่วมมือระหว่าง BMW และ TVS พร้อมขายสิ้นปี!!

       ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวออกมาว่า BMW จะทำรถมอเตอร์ไซต์ขนาดกลางหลังจากที่จับมือร่วมกับ TVS ของอินเดีย พร้อมเปิดตัวรถต้นแบบอย่าง TVS Draken ทรง Naked จากโปรเจก K03 ซึ่งแน่นอนว่ามันใกล้จริงเป็นความจริงเร็วๆนี้..!!



       จากภาพ SpyShot ที่ถ่ายได้ถ้าเทียบกับตัวคอนเซ็ปจะมีความใกล้เคียงที่โช็คคู่หน้าแบบหัวกลับ Up Side Down ดิสก์เบรคทั้งหน้าและหลังพร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ท่อไอเสียทรงยาววางเยื้องไปทางด้านขวา ซึ่งในตัวคอนเซ็ปจะเป็นเป็นท่อแบบสั้น





       ในส่วนของเครื่องยนต์มีการบอกว่าจะต่ำกว่า 500 ซีซี แต่คาดว่าน่าจะอยู่ประมาณ 250-300 ซีซี ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นกลุ่มตลาดที่มีการแข่งขันสูงทั้งในต่างประเทศและในไทยเองก็เช่นกัน

       Naked Bike รุ่นใหม่นี้จะมีการออกแบบและพัฒนาโดย BMW เยอรมนี ส่วนบริษัท TVS จะรับหน้าที่ผลิต ซึ่งรูปลักษณ์น่าจะมีความคล้ายคลึงกับ TVS Draken ที่เคยนำมาโชว์เมื่อปลายปีที่แล้ว จากรายงานยังบอกอีกว่า K03 นอกจากจะมีเป็นรถทรงเน็กเก็ตแล้ว อาจจะมีการพัฒนาต่อให้มีรูปทรงเหมือนรถสปอร์ตแบบฟูลแฟร์ริ่งอีกด้วย และการวิ่งทดสอบครั้งนี้ ยังได้นำเอา KTM Duke 390 เป็นรถ Benchmark ร่วมวิ่งทดสอบเทียบสมรรถนะด้วย


       ในปัจจุบันจะสังเกตเห็นได้ว่าค่ายรถจากตะวันตกหลายค่ายจะมาเปิดสายการผลิตในประเทศฝั่งเอเชียมากขึ้น เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย ซึ่ง TVS ก็ต้องการที่จะผลิตและจำหน่ายรถรุ่นนี้ในอินเดียอย่างมากเช่นกัน ถ้ามองไปถึงคู่แข่งในตลาดตอนนี้ก็มีอยู่มากมายเช่น Kawasaki Z300, Honda CB300F, Benelli TNT300S, KTM Duke390 รวมถึง Yamaha MT-03 ที่จะเปิดตัวเร็วๆนี้เช่นกัน

       ส่วนกำหนดการเปิดตัวที่คาดเอาไว้จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งนักบิดในไทยหลายคนก็เฝ้าคอยที่จะได้เห็นไม่น้อยเลย และต้องรอลุ้นอีกว่าเมื่อมาไทยแล้วเรทราคาจะออกมามากน้อยขนาดไหน ในตลาดบ้านเรา ณ ตอนนี้ก็ประมาณ 1.2-1.8 แสนบาท!!


ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่ : https://www.facebook.com/pages/MZ-Crazy-Cars/1410003339233043
******************************************************************************************8

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ตัวไฮบริดมันไม่พอมือพอเท้าใช่ไหม??...ฮอนด้าเลยยัดหอยให้กับ Honda Jade RS ซะเลย!!



       เปิดตัวไปได้สักพักแล้วล่ะสำหรับ Honda Jade รถ MPV ครอบครัว ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าในญี่ปุ่นเป็นอย่างดี ด้วยการเอาเครื่องยนต์ไฮบริด 1.5 ลิตร ที่ให้ความประหยัดใช้ได้ทีเดียว แต่ความต้องการของลูกค้าบางกลุ่มบางว่า "อืม..มันยังไม่พอมือพอเท้าอ่ะ" อ้าวหรอ!! เดี๋ยวฮอนด้าจัดให้!!

       ซึ่งความแตกต่างระหว่างตัวไฮบริดกับตัว RS นั้นแทบจะไม่ต่างกันเลย ซึ่งความแตกต่างจะเห็นได้ในรุ่นแพงสุดที่จะมีสเกิร์ตด้านข้าง 
ล้ออัลลอยด์ปัดเงาขนาด 17 นิ้ว ไฟหน้าทำดุด้วยการรมดำ และสัญลักษณ์โลโก้ RS ที่จะบ่งบอกตัวตนถึงความสปอร์ต



       ส่วนภายในนั้นจะมีการตกแต่งที่แตกต่างออกไป ซึ่งเบาะนั่งทั้ง 6 นั้นจะหุ้มด้วยวัสดุผ้าพิเศษและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ พวงมาลัยหุ้มหนัง พร้อมสีภายในให้เลือก 2 สี สีน้ำตาลและสีดำ แผงประตูบวัสดุพร้อมมีการเดินตะเข็บสีแดงเพิ่มอารมณ์สปอร์ตได้อย่างเต็มพิกัด

       ซึ่งหัวใจไฮไลท์ของ Honda Jade RS จะอยู่ที่เครื่องยนต์เบนซินฉีดตรง VTEC L15B DOHC 16 วาล์ว 1.5 ลิตร 
พ่วงเทอร์โบ ให้กำลังสูง 150 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 203 นิวตันเมตร ที่ 1,600-5,000 รอบ/นาที พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด ที่ทำอัตราสิ้นเปลืองถึง 18 กิโลมตร/ลิตร (ตามมาตรฐาน JC08 ของญี่ปุ่น)


       Honda Jade RS ยังมีระบบควบคุมสมรรถนะตัวรถ 
(AHA) อีกด้วย ซึ่งราคาในญี่ปุ่นนั้นตีเป็นเงินไทยเริ่มต้นประมาณเจ็ดแสนบาทเท่านั้น...!!
*************************************************************************************

Suzuki Swift โฉมใหม่ จับใจด้วยเครื่อง Boosterjet 1.0 ลิตร เทอร์โบ เจอกันอีก 2 ปี!!

       Suzuki Swift รถยนต์แฮทช์แบ็คยอดนิยมทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะที่อินเดียถือว่าเป็นตลาดหลักของซูซูกิ ในบ้านเรานอกจากจะเพิ่มตัวเลือกในรุ่น RX ซึ่งมีการปรับลุคเล็กๆน้อยๆ แต่ซูซูกิก็เตรียมที่จะเปิดตัวรุ่นใหม่ซึ่งคาดว่าน่าจะออกมาทำตลาดในอีกไม่กี่ปี...!!


       Suzuki Swift ใหม่นี้ดีไซต์การออกแบบน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับรถต้นแบบอย่าง Suzuki iK2 Concept ที่เผยออกสู่สายตาสาธารณะชนได้ไม่นาน โดยยังจะคงเอกลักษณ์ไว้ที่เสา A สีดำ และมีหน้าตาที่ทันสมัยขึ้น ซึ่งทาง Tomi X Design ก็ได้ทำภาพ Rendering ของ Swift ขึ้น ซึ่งจะมีเส้นสายพริ้วไหว และลงตัวมากขึ้น


       ในเรื่องของขุมพลังนั้นคาดว่าจะใช้เครื่อง Boosterjet 1.0 ลิตร
 3 สูบแถวเรียง พร้อมเทอร์โบชาร์จ ซึ่งยังได้รับเทคโนโลยีโดยหัวฉีดใหม่ที่ฉีดน้ำมันเป็นละอองฝอยละเอียดซึ่งจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และลดการปล่อยมลพิษลง ทั้งยังเตรียมใช้เทคโนโลยีต่างๆที่จะช่วยในการลดน้ำหนักให้เบาลงซึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องสอดคล้องกัน

       Suzuki Swift ใหม่จะมีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขึ้นด้วยการเพิ่มระยะฐานล้อให้ยาวขึ้นกว่าเดิม เราจะได้เห็น Suzuki Swift ใหม่ประมาณปี 2016-2017!!
***********************************************************************************************

ที่มา : 

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

All New Toyota Hilux Revo เวอร์ชันออสเตรเลียจ่อยัดเครื่อง V6 รีดแรงม้าถึง 275 ตัว!!

       หลังจากที่โตโยต้าเปิดตัว All New Toyota Hilux Revo สุดยิ่งใหญ่ไปแล้วที่ไบเทคบางนาเป็นที่แรกของโลก ซึ่งทางฝั่งของออสเตรเลีย(เป็นอีกตลาดที่สำคัญของไฮลักซ์) ก็ได้มีการเอามาโชว์ตัวเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถเปิดเข้าไปชมภายในได้...!!




       All New Toyota Hilux Revo ถือว่าเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 8 แล้ว ในออสเตรเลียถือว่าได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งจะมี Ford Ranger, Mitsubishi Triton, Isuzu D-MAX และ Mazda BT-50 รองลงมาตามลำดับ โดยตั้งแต่ปี 2005 ถึงปัจจุบัน Hilux Vigo ก็มียอดจำหน่ายไปแล้วกว่า 850,000 คัน แบ่งออกเป็นรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD ทั้งสิ้น 477,000 คัน และรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ 2WD 373,000 คัน

       หน้าตาและรูปร่างนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับบ้านเรา แต่ในรุ่นยกสูงจะมีล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลายใหม่ปัดเงา ส่วนภายในในเวอร์ชั่นของออสเตรเลียยังไม่มีการเผยภาพหรือข้อมูล แต่เชื่อเลยว่าจะมีหน้าตาที่ไม่ต่างกับไทย เพียงแต่อาจจะต่างกันที่ Options บางอย่างเล็กๆน้อยๆเท่านั้น 

 ภายใน Hilux Revo เวอร์ชันไทย ซึ่งในเวอร์ชันออสเตรเลียจะมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

       ในเรื่องของความปลอดภัยก็มีทั้งระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control) ,ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) ,ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) ,ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) ,ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ,ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC (Trailer Sway Control) ,ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC(Hill-start assist control) ,ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC (Downhill Assist Control) ,กล้องมองหลัง ,ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งรอบคัน (คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่าน, และบริเวณเข่าคนขับ) ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีเช่นเดียวกับบ้านเรา แต่มีอีกระบบที่เพิ่มเข้ามานั่นคือ ระบบเบรคอัตโนมัติเมื่อระบบจับได้ถึงสิ่งกีดขวางที่อยู่ด้านหน้ารถจะทำการเบรคให้เอง ซึ่งจะมีประโยชน์และสร้างความปลอดภัยให้กับคนข้ามถนนได้นั่นเอง




       ในเรื่องของเครื่องยนต์จะมีให้เลือกถึง 4 แบบ ซึ่ง 3 ใน 4 แบบจะเหมือนเวอร์ชันคือ 
1GD ความจุ 2.8 ลิตร แรงบิดเพิ่มขึ้น 25% ต่อมารหัส 2GD ความจุ 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตร และแรงบิด 400 นิวตันเมตร ใช้เชื่อเพลิงน้อยลง 10% และเครื่องยนต์เบนซิน 2TR-FE ความจุ 2.7 ลิตร ส่วนอีกรุ่นที่ไม่มีในไทยจะเป็นตัวชูโรงเน้นสมรรถนะคือเครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 4.0 ลิตร ตระกูล GR-series ที่ให้กำลังมากถึง 275 แรงม้าเลยทีเดียว

       Hilux Vigo มีรุ่นย่อยทั้งหมด 23 รุ่น ซึ่งในส่วนของ Hilux Revo ใหม่นี้จะเพิ่มรุ่นย่อยขึ้นเป็น 31 รุ่น (ในบ้านเรามีทั้งหมด 33 รุ่น) จะมีทั้งหมดสามตัวถัง ตอนเดียว ตอนครึ่ง และแบบสองตอน โดยในรุ่น Hi-Rider จะมีทางเลือกให้ทั้ง 2WD ยกสูง และ 4WD พร้อมเซ็ตช่วงล่างใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และสปอร์ตบาร์เหล็กโครเมียมที่บริเวณกระบะท้าย ซึ่งจะมีในรุ่นท็อปเท่านั้น


       ทางโตโยต้ายังบอกอีกว่า Hilux Revo ใหม่นี้มีการอัดออปชันในเรื่องของความปลอดภัย และโครงสร้างนิรภัย GOA ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับคะแนนสูงสุด 5 ดาว ในการทดสอบการชนจาก ANCAP. All New Toyota Hilux Revo จะถูกเปิดตัวในออสเตรเลียพร้อมกับรายละเอียดอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้...!!
************************************************************************************************
ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่ : https://www.facebook.com/pages/MZ-Crazy-Cars/1410003339233043?ref=hl

ที่มา : caradvice.com.au