วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

First Challenge : All-New Mazda 2 เล็กพริกขี้หนู..บู๊เอาเรื่อง..ไม่เชื่อไปฟัง!!

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยก็ได้มีการปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงให้ลดลงอย่างต่อเนื่องเพื่อสอดคล้องกับราคาตลาดน้ำมันโลก จนราคาทุกชนิดลงไปอยู่ในหลักสิบสิบบาทต้นๆ แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดว่าชาตินี้จะได้เห็นอีกครั้ง แต่เมื่อ 3-4 วันก่อนก็มีการปรับราคาขึ้นอีก 30-50 สต. มันอาจจะเป็นสัญญาณบอกแล้วหรือเปล่าที่ราคาจะไม่ลดลงอย่างแต่ก่อนแล้ว (วันนี้ 7 ก.พ. ก็ขึ้น 30-50 สต.ซะละTT)...!!




All New Mazda 2 เป็นรถยนต์คันแรกของปีนี้ที่ประกาศศึกชักธงรบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ถือว่าเป็นรถที่คนไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และมากจริงๆ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น รถคันนี้มีอะไรดี เก็บคำถามเหล่านั้นไว้แล้วมาหาคำตอบไปพร้อมๆกันครับ

                “ตกลง All new Mazda 2 เป็นรถในกลุ่มไหนกันแน่??”
                ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่มีกระแสข่าวว่า All New Mazda 2 กำลังจะเข้ามาทำตลาดที่เมืองไทย หลังจากที่ได้เปิดตัวไปแล้วในประเทศญี่ปุ่น ต่างก็พากันคาดเดากันไปต่างๆนานา รวมถึงเครื่องยนต์ที่บอกว่าจะมีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร!! หือ!! เครื่องดีเซลในรถเก๋งขนาดเล็กเนี่ยนะที่จะเข้าไทย!! สาวกดีเซลทั้งหลายหันหน้ากลับมา ฟรึ๊บฟรึ๊บ!! อารมณ์คงประมาณว่า หนุ่มๆเดินกับแฟนแล้วไปเจอพริ้ตตี้สาวสวยสุดเซ็กซี่กำลังล้างรถโชว์อยู่ตรงหน้า เป็นต้องละสายตาจากที่รักแล้วพุ่งความสนใจไปหาพริ้ตตี้ด้วยพละกำลังที่ถูกสั่งสมมาทั้งชีวิต ถูกถ่ายทอดขึ้นไปยังกล้ามเนื้อบริเวณคอ สูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่พร้อมกับเหวี่ยงหน้าหันไปมอง 180 องศา แคร็ก!! จริงหรอ?? ดีเซลจะมาจริงหรือนี่...Mazda เลยออกมาคอนเฟิร์มว่าจริงครับ พร้อมทั้งยังบอกอีกว่า มาสด้า 2 ใหม่นี้จะใช้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการอีโคคาร์เฟส 2 ด้วย “เฮ้ย!!มาสด้า 2 เป็นรถอีโคคาร์แล้วว่ะ ราคาต้องถูกแน่ๆเลย ขอสัก 4-5 พอนะ!! นั่นเป็นความรู้สึกแรกของใครหลายคนเมื่อได้ยินคำว่า “อีโคคาร์” จะต้องมีราคาที่ถูก จับต้องได้ง่าย สบายกระเป๋า แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นน่ะสิครับ??



                เพราะจริงๆแล้ว คำว่า "Eco Car" นั้น หลายคนเข้าใจผิดไปคิดถึง  Economy Car ซึ่งหมายถึงรถราคาถูก เพื่อคนที่มีรายได้น้อยเป็นหลักแต่อันที่จริงแล้วนั่นไม่ใช่ความหมายของคำว่า “Eco car” เลย เพราะรถอีโคคาร์ Ecocar มาจากศัพท์คำว่า Ecology Car ซึ่งหมายถึง รถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก  ซึ่งในส่วนของประเทศไทย ได้ใช้ข้อกำหนดตามมาตรฐานของยุโรป ทั้งในส่วนของเรื่องมลพิษที่กล่าวถึงความปลอดภัยนอกจากนี้ยังมีในส่วนของ Global Standard Eco Car กำหนดให้ในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่อลิตร และยังมีข้อกำหนดที่ในบางประเทศกำหนดเพิ่มเติม เช่น อัตราภาษี เป็นต้น ดังนั้นมันจึงไม่ใช่รถที่จะต้องมีราคาถูกเสมอไปนะจ้ะ^^

                All New Mazda 2 เป็นรถที่เข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ก็จริง แต่ก็ยังเป็นรถในกลุ่ม B-Segment??
                “เอ้า!! แล้วตกลงมันอยู่ในกลุ่มไหนกันแน่เนี่ย...บอกว่าเป็นอีโคคาร์แต่ทำไมยังอยู่ในกลุ่มเดิม เอ้ะยังไง โอ้ย!! งงนะเฟ้ย!!
ฮ่าๆๆๆ ใจเย็นๆครับ แต่ผมยังไม่เล่าให้คุณฟังตอนนี้หรอก เพราะคุณอาจจะนึกภาพไม่ออกหากยังไม่ได้รู้ถึงใส้ในของรถคันนี้ว่ามีอะไรบ้าง มันวิเศษขนาดนั้นเลยหรอ อันนี้ก็ไม่รู้สินะครับ แต่เอาเป็นว่าเราไปทำความรู้จักกับ All New Mazda 2 SkyActiv-D 1.5 ลิตรกันก่อนดีกว่าครับ^^



                ที่จริง Mazda 2 ใหม่นี้ออกมาโชว์ตัวตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายนที่งาน Motor Expo และโชว์รูมทั่วประเทศแล้วล่ะครับ แต่เป็นแค่การโชว์พอเป็นน้ำจิ้มให้ยั่วน้ำลายเล่นๆ เพราะยังไม่สามารถเป็นเข้าไปสัมผัสภายในได้ แต่ว่าก็มีการเปิดจองกันทั้งๆที่ยังไม่เปิดราคาและสเปคเลย!! ซึ่งวันนั้นเองผมก็ได้เดินทางไปยลโฉมด้วยตัวเอง เห็นครั้งแรกก็ต้องบอกว่าสวยงามมากครับทั้งสีแดงและสีน้ำเงินมันบาดใจจริงๆ เมื่อถึงวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 15 ม.ค. ผมก็ได้ไปที่โชว์รูมอีกครั้ง มีมาสด้า 2 ทั้งแบบ Hatchback และ Sedan ตัวต่ำสุดถึงตัวท็อปสุดจอดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างกะนักเรียนกำลังรอให้คุณครูฝ่ายปกครองมาตรวจทรงผมยังไงยังงั้นเลย ใช้เวลาตรงนั้นไม่นานก็ออกมาครับเพราะมีธุระต้องไปต่อ แต่เท่าที่ได้สัมผัสภายนอกภายใน บอกได้เลยว่ารถมาสด้าคันนี้เตรียมตัวมาดีจริงๆ!! ถัดมาอีกวันก็ยังได้ไปเจอเจ้าหนูน้อยหมวกแดงที่บิ๊กซีอีก ทำไงได้ล่ะก็เข้าไปดูสิครับ สุดท้ายวันอาทิตย์ที่ 18 ผลเลยเดินทางไปที่โชว์รูมเพื่อไปเก็บรายละเอียดรถคันนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย (ไปถึงปุ้บ!! เซลล์ถามครับ “เอ้า!! วันก่อนก็เห็นไปดูรถที่บิ๊กซีนี่....ไปจนเขาจนหน้าได้แล้วล่ะ)

                หากว่าคุณเห็นมาสด้า 2 กับมาสด้า 3 จอดคู่กัน ถ้าไม่ได้สังเกตจะไม่รู้เลยว่ามันเป็นรถคนละรุ่น เพราะก็ถอดแบบมาจากกันเลยนี่นา แต่ Mazda 2 ก็จะมีเอกลักษณ์ด้วยกระจังหน้า Signatur Wing ทรงห้าเหลี่ยมเด่นด้วยกรอบโครเมี่ยม ข้างในจะมีโลโก้พร้อมกับแถบกระจังสีที่จะแตกต่างไปในแต่ละรุ่น ส่วนไฟหน้าจะมีเส้นสายที่ต่อเนื่องจากกรอบโครเมี่ยมของกระจังหน้าแทงเข้าไปในโคมไฟดวงโตแบบมัลติรีแฟลกเตอร์ ซึ่งเป็นที่ที่หลายคนบ่นว่าทำไมไม่ใส่ไฟแบบโปรเจ็คเตอร์มาล่ะลูกพี่!! ด้านล่างจะมีไฟตัดหมอกซึ่งจะมีมาให้เฉพาะรุ่นท็อปเท่านั้น เส้นสายตัวถังด้านข้างโฉบเฉี่ยวและพริ้วไหวได้ใจมาจากรุ่นพี่ และถ้าคุณเห็นหรือเอาคันนี้ไปจอดไว้กลางแดด คุณจะแสบตากับแสงสุริยาที่สะท้อนขึ้นมาจากล้ออัลลอยปัดเงาวาววับขนาด 16 นิ้วในรุ่นท็อป ส่วนรุ่นนอกจากนั้นจะได้ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วไม่ปัดเงา ไฟท้ายทรงสปอร์ตพร้อมไฟเบรคดวงที่สามที่อยู่ใต้สปอยเลอร์ที่มีมาให้ทุกรุ่น

รุ่น Hatchback จะมีความยาว 4,060 มม. กว้าง 1,695 มม. สูง 1,495มม. ฐานล้อยาว 2,570 มม. น้ำหนัก 1,129กก.
รุ่น Sedan จะมีความยาว 4,320 มม. กว้าง 1,695 มม. สูง 1,470 มม.ระยะฐานล้อ 2,570 มม. น้ำหนัก 1,142 กก.






                การเข้าออกประตูคู่หน้านั้นกว้างขวางไม่มีปัญหา แต่กับประตูคู่หลังทั้ง Hatchback และ Sedan แทบจะไม่ต่างกัน (ก็มันใช้บานอันเดียวกันนี่นา!!) คือมีความกว้างที่ไม่มากนักแต่ก็สามารถสอดตัวเข้าไปนั่งได้ หากใครมีรูปร่างที่ใหญ่สูงเกิน 175 ซม.คงต้องมีบ่นๆบ้างล่ะ ภายในนั้นมีการออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะมีความสปอร์ตและหรูหรามากขึ้น แต่ครั้งแรกที่เห็นก็รู้สึกแปลกๆดี เพราะว่ามันต่างจากรถคันอื่นๆที่จะมีการแบบคอนโซลเป็นสัดส่วน แต่คันนี้จะมีเส้นแถบยาวคาดกลาง ซึ่งมันทำให้ภายในดูกว้างขึ้น ในรุ่นท็อปจะมีการเดินตะเข็บและบุวัสดุนุ่มมาให้ด้วย ย้ำ!! เดินตะเข็บจริง และบุวัสดุนุ่มจริง!! ซึ่งต่างจากบางค่ายที่ทำหลอกๆไว้เท่านั้น แถมยังมีการซ่อนช่องแอร์กลางคอนโซลฝั่งซ้ายไว้อย่างเนียน และนอกนั้นจะเป็นช่องแอร์แบบทรงกลม ดูจะย้อนยุคหน่อยแต่ก็ผสมผสานกันได้ดีและใช้งานสะดวกด้วย

                โดยฟังก์ชันภายในก็จะมีหน้าจอสีแบบสัมผัส Center Display ขนาด 7 นิ้ว ควบคุมการสั่งงานด้วยปุ่ม Center Commander (MZD CONNECT) แบบหมุนบริเวณเบรกมือ พร้อมคีย์ลัดเข้าสู่เมนูต่างๆ และควบคุมได้ทั้งระบบเครื่องเสียงการตั้งค่าตัวรถ พวงมาลัยสามารถปรับได้ 4 ทิศทางระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ(ยกเว้นรุ่น XD) ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย และไฮไลท์อีกอย่างที่ถูกถ่ายทอดมาจาก Mazda 3 คือ Active Driving Display สกรีนใสเหนือพวงมาลัยในระดับสายตาผู้ขับแสดงข้อมูลสำคัญในการขับขี่ เช่น ระดับความเร็วหน้าจอ เป็นต้น

                ในเรื่องของเบาะนั่งด้านหน้านั้นก็ได้รับกลิ่นอายจากมาสด้า 3 คือจะมีปีกด้านข้างที่โอบกระชับได้ดี แต่เบาะรองนั่งสั้น และพนักพิงศีรษะจะแอบดันๆอยู่นิดๆ แต่น้อยกว่ามาสด้า 3 ส่วนเบาะรองนั่งด้านหลังก็ยังมีระยะที่สั้นอยู่ และพนักพิงจะค่อนข้างชัน พื้นที่ด้านหลังทั้งรุ่น 4 ประตู และ 5 ประตู แทบจะไม่ต่างกัน มีพื้นที่ legroom ที่ไม่ต่างจากรุ่นเดิมมาก หัวเข่าห่างจากเบาะหน้าแค่ 2-4 ซม.เท่านั้น แต่พื้นที่เหนือศีรษะ ผมสูง 178 ซม. ปลายเส้นผมแค่แตะๆเพดาน!! เบาะด้านหลังสามารถพับได้แบบ 60: 40 (ในรุ่น XD จะพับได้แบบ 100) โดยรวมห้องโดยสารถือว่ามีการออกแบบที่ใช้ได้เลยทีเดียว ทั้งความทันสมัยและยังมีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกและประหยัดไว้อย่างครบตั้งแต่รุ่นต่ำสุด และวัสดุที่ใช้นั้นดีมากระดับแถวหน้าในคลาสเลย แต่จุดด้อยก็ยังเป็นพื้นที่ภายในที่ต้องบอกว่า “คับแคบ” (กว่าใคร)ไปหน่อย โดยเฉพาะด้านหลัง!!





                เครื่องยนต์ Clean Diesel SKYACTIV-D รหัส S5-DPTS Diesel 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว 1,498 ซีซี อัตราส่วนกำลังอัด 14.8 : 1 จ่ายน้ำมันด้วยราง Common Rail แรงดันสูง Turbocharger แบบแปรผันครีบพร้อม Intercooler กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,500 - 2,500 รอบ/นาที แถมยังเครมไว้อีกว่าประหยัดน้ำมันถึง 26.3 กม./ลิตร (ผลการทดสอบตามมาตราฐานยุโรป UNECE R101 Combine Mode)

                ระบบเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด มีชุดเมคคาทรอนิกส์ โมดุล (Mechatronic Module) ควบคุมกลไกการทำงานของเกียร์ด้วยอิเลคทรอนิกส์ ใครถามหาเกียร์ธรรมดาหรอ...บอกเลยว่าไม่มีครับ^^ ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้าจะเป็นอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโครง ส่วนด้านหลังจะเป็นแบบกึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม ระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดิสก์ ยกเว้นรุ่น XD ที่จะเป็นหน้าดิสก์หลังดรัม
ทุกรุ่นจะมีระบบ I-ELOOP (Mazda Regenerative Braking System)
โดยระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่สูญเสียจากการลดความเร็วให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และเก็บไว้ในอุปกรณ์เก็บประจุไฟฟ้า เพื่อใช้เลี้ยงระบบไฟฟ้าของอุปกรณ์ภายในรถ พลังงานจากเครื่องยนต์จึงถูกใช้ในการขับเคลื่อนของรถได้อย่างเต็มที่ ช่วยประหยัดพลังงานและน้ำมันเชื้อเพลิงลงได้ถึง 10%
และระบบประหยัดน้ำมัน I-Stop (Idling Stop System)
ที่สั่งให้เครื่องยนต์หยุดการทำงานชั่วคราวเมื่อรถจอดนิ่ง ขณะที่อุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถยังคงทำงานตามปกติ ด้วยพลังงานไฟฟ้าจาก i-ELOOP ทั้งสองระบบทำงานคู่กัน เพื่อประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และเครื่องยนต์จะทำงานอัตโนมัติทันทีเมื่อรถพร้อมออกตัว

ระบบความปลอดภัยใน All New Mazda 2 
- ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ
- ระบบเบรก ABS 4 ล้อ พร้อม EBD ช่วยกระจายแรงเบรก
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า Dual Airbag
- ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC : Dynamic Stability Control
- ระบบช่วยการออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA : Hill Launch Assist
- ระบบป้องกันรถลื่นไถล TCS : Traction Control System
- ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS : Emergency Signal System
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX.....ทั้งหมดนี้จะมีมาให้ทุกรุ่นย่อย






                All New Mazda 2 คันนี้เป็นรถรุ่นที่ 3 ของมาสด้าที่ทำตลาดในเมืองไทย เป็นรถที่มีรูปลักษณ์สวยงาม มีเสน่ห์ แถมยังหรูหราสุดๆจากภายในของรถ...เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร SKYACTIV-D พร้อมด้วยระบบ I-ELOOP และ I-Stop จึงทำให้มาสด้า 2 มีต้นทุนที่สูงบวกกับอัตราภาษีของเครื่องยนต์ดีเซลในบ้านเรา เลยทำให้ราคาของรถก็ย่อมสูงตามไปด้วย แต่ด้วยคุณสมบัติของตัวรถหลายๆอย่างรวมถึงการปล่อยค่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ต่ำเพียง 100 กรัมต่อกิโลเมตร มันจึงส่งผลให้มาสด้าสองคันนี้สามารถเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 ได้ ดังนั้นรถคันนี้จะได้ใช้สิทธิ์ในโครงการ และใช้ภาษีสรรพสามิตที่ถูกลง ราคาของมาสด้า 2 ก็เลยถูกลงกว่าเดิม (ถูกลงกว่าเดิมเมื่อเทียบหากไม่ได้เข้าร่วมโครงการ ราคาจะทะลุแปดแสนแน่ๆ) แต่อีโคคาร์ เฟส 2 จะมีกำหนดการเริ่มขึ้นในปี 2559 Mazda 2 ก็ยังคงได้สิทธิ์นั้นอยู่ เพียงแต่จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตของเฟสแรกในอัตรา 17% ไปก่อน เมื่อถึงปีที่กำหนด 2559 จึงจะสามารถไปใช้ภาษีสรรพสามิต 12% ในเฟส 2 ได้ ซึ่งทิศทางที่ควรจะเป็นคือรถจะต้องมีราคาที่ถูกลงนั่นเอง แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่ทางมาสด้าด้วยว่า จะปรับราคาลง หรือ จะเพิ่มออฟชันให้แทน เพราะมีหลายคนบ่นอยากได้ไฟหน้าแบบโปรเจ็คเตอร์...มันมาแน่เมื่อถึงเวลา!! แต่ถึงกระนั้นมาสด้า 2 ก็ใช่ว่าจะลงไปเล่นกับกลุ่มอีโคคาร์เฟสแรกนะครับ เพราะสเปคของเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงราคาด้วย มาสด้า 2 ก็ยังคงจะสู้ศึกในกลุ่ม B-Segment เหมือนเดิม!!

ราคาของ All New Mazda 2 ทั้งแบบ Hatchback และ Sedan จะมีราคาเท่ากัน ได้แก่
Mazda 2 Sports XD ราคา 690,000 บาท
Mazda 2 Sports XD High ราคา 735,000 บาท
Mazda 2 Sports XD High Plus ราคา 790,000 บาท

Mazda 2 Sedan XD ราคา 690,000 บาท
Mazda 2 Sedan XD High ราคา 735,000 บาท
Mazda 2 Sedan XD High Plus ราคา 790,000 บาท
สีแดงโซลเรด เพิ่มอีก 10,000 บาท สีขาวมุก เพิ่มอีก 7,000 บาท

                ราคาถ้าเทียบกับคู่แข่งก็ถือว่าสูงกว่าพอสมควร แต่ในรุ่นต่ำสุดก็ให้อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัยมาให้ก็พอน่าฟังอยู่ ถึงพื้นที่ภายในห้องโดยสารจะมีค่อนข้างจำกัด แต่นั่นก็ลดทอนด้วยกำลังของเครื่องยนต์และฟิลลิ่งการขับขี่ที่หลายคนไปลองมาแล้วก็ประทับใจอยู่นะ ช่วงเวลาที่ผ่านมามาสด้าได้พิสูจน์ให้เห็นว่า KODO Design และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่มาสด้ารังสรรค์ขึ้นมาให้ชาวโลกและชาวไทยได้สัมผัส แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาอันสั้น แต่ก็สามารถทำให้คนจำนวนไม่น้อยหันกลับมาสนใจในแบรนด์นี้ได้มากขึ้น สุดท้าย All New Mazda 2 เป็นรถที่น่าจะเหมาะกับวัยรุ่นไฟแรง หรือคนที่เน้นอารมณ์สปอร์ต มีครอบครัวเล็กๆขับในเมืองก็ได้ ขับนอกเมืองก็ได้อีกแหละ จนถึงวันนี้ก็มียอดจองไปแล้วหลายพันคัน คราวนี้ก็อยู่ที่คุณแล้วล่ะว่า All New Mazda 2 คันนี้จะตอบโจทย์คุณได้หรือไม่...???

สามารถติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่ : https://www.facebook.com/pages/MZ-Crazy-Cars/1410003339233043









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น