เมื่อเห็นถึงคุณสมบัติใหม่ดังกล่าวแล้ว edmunds.com เว็บรถยนต์ชื่อดังจึงลงทุนถึงขนาดควักตังค์
52,000 ดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อไปซื้อเจ้า
Ford F-150 มาทดสอบโดยเฉพาะ เพียงแค่ต้องการที่จะดูว่าตัวถังที่เป็นอลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา
ซึ่งเป็นครั้งแรกของรถกระบะ และยังมีราคาแพงขึ้นมากกว่าโฉมที่แล้ว
มันจะมีความแตกต่างกับเหล็กทั่วไปอย่างไรและการที่จะซ่อมแซมให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมจะยากง่ายแค่ไหน
นั่นจึงเป็นสิ่งที่พวกเขาอยากรู้
พวกเขาจะใช้ค้อนขนาดใหญ่หนัก 8 ปอนด์ (ประมาณ 3.6 กิโลกรัม)
ตีเข้าไปบริเวณท้ายกระบะถึง 2 ครั้ง เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หลังจากนั้นพวกเขาได้ฟาดค้อนเหล็กเข้าไปอย่างเต็มแรง 2 ครั้ง ปรากฏว่าตัวถังมีความยืดหยุ่นที่ดีมากอย่างน่าตกใจ
มีรอยค้อนจากการตีและรอยยับทั่วบริเวณกว้างแต่ไม่มากมายอะไร ไฟท้ายมีรอยปริแตกให้เห็นจากแรงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ต่อมาจึงได้นำรถคันนี้ไปที่ศูนย์บริการเพื่อประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น
ทางศูนย์บริการบอกว่าอลูมิเนียมจะมีความยืดหยุ่นที่ดีมาก นั่นจึงเป็นเรื่องยากกว่าเหล็กที่จะเคาะมันให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม
ทางศูนย์บริการเองก็ได้รับการฝึกฝนในการแก้ไขปัญหาอลูมิเนียมมาอยู่แล้ว
แต่มันจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือพิเศษและใช้เวลามากกว่าปกติ
ในสหรัฐฯรถยนต์ที่ตัวถังทำจากอลูมิเนียมนี้มีมานานหลายสิบแล้ว
แต่มันใหม่สำหรับรถกระบะ ศูนย์บริการของฟอร์ดเกือบทุกแห่งจะมีเครื่องมือพิเศษที่ว่านี้
รวมไปถึงอู่ข้างนอกก็เช่นกัน แต่ในบางประเทศอาจจะเป็นเรื่องยากหากจะต้องมีการซ่อมแซม
หัวหน้าช่างของฟอร์ดบอกว่า มันอาจจะใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน
ในการทำให้ตัวถังกลับมาอยู่ในสภาพเดิม และไฟท้ายที่เสียหายดูแล้วมันอาจจะไม่มากแต่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งโคม
เพราะไฟ LED ใช้งานไม่ได้ ส่วนข้างในโคมก็จะมีเซ็นเซอร์อยู่ด้วย
ภาพนี้จะเห็นความแตกต่างระหว่างเหล็กและอลูมิเนียมซึ่งใช้เวลามากกว่ากันถึงเท่าตัว ราคาการซ่อมรวมเบ็ดเสร็จ 4,138.44 ดอลล่าร์สหรัฐ
ตัวถังอลูมิเนียมถือว่าเป็นการเลือกใช้วัสดุที่ดี มันจะมีประโยชน์มากถ้าหากไม่มีการชนหนัก เพราะตัวถังมีความยืดหยุ่นมาก มันจึงช่วยเซฟการเสียหายมากกว่าแบบเหล็กทั่วไป แต่ถ้ามีการชนหนักขึ้นมาก็คงต้องเตรียมถือกระเป๋าตังค์ให้พร้อมซะแล้วล่ะครับ...!!
คลิปการทดสอบ
ที่มา : edmunds.com
สามารถติดตามข่าสารยานยนต์ได้ที่ : https://www.facebook.com/pages/MZ-Crazy-Cars-Thailand/1410003339233043
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น